อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Bookmark and Share
Bookmark and Share

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ปริศนาแห่งความตาย "สุสานร้างซานติก้า" ใครเผาฆ่า!

ปริศนาแห่งความตาย “สุสานร้างซานติก้า” ใครเผาฆ่า!
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 4 สิงหาคม 2552 07:08 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ผู้บริหารซานติก้าผับ และความทันสมัยก่อนเพลิงไหม้

"ซานติก้าผับ" นำโลงศพมาประดับตกแต่งภายในผับ ที่คนวิพากษ์อาจเป็นลางร้าย

ซากซานติก้า หลังเพลิงเผาไหม้



หน่วยกู้ภัยช่วยลำเลียงศพ

ซานติก้า ที่เพลิงโหมไหม้เหลือไว้ซึ่งคำว่า "KA" ที่คนเค้าบอกว่าแปลว่า ฆ่า

ญาติผู้เสียชีวิตร้องไห้ปิ่มขาดใจกับการจากไปของเหยื่อ "ซานติก้านรก"


66 ศพที่ต้องสังเวย กับโศกนาฎกรรมครั้งนี้

จนท.พบชิ้นส่วนกระดูกข้อมือขวา กระโหลกศรีษะ กระดูกท่อนแขน 3-4 ท่อน ข้อมือ ที่เหยื่อสาวมาร้องเรียกพี่ยาม

"สราวุธ อะริยะ" นักร้องนำวงเบริ์นที่ถูกออกหมายจับ ฐานเป็นผู้จุดไฟแช็ทจุดพลุทำให้เกิดไฟไหม้

นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ (เสี่ยขาว)หุ้นส่วนใหญ่ซานติก้า เข้ามอบตัวสู้คดี

"เสี่ยขาว" ได้รับการประกันตัว 1 ล้านบาท

น.ส.รพี วุฒิมานานนท์ สถาปนิกชื่อดังเข้าแจ้งความถูกปลอมลายเซ็น

เอกสารลายเซ็นต์ที่ถูกปลอมก่อสร้างซานติก้า ดัดแปลงผิดแบบ

"หมอพรทิพย์" พร้อมเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจหามนุษย์เก็บรายละเอียดในซานติก้าหาหลักฐาน

ยมทูต เรียกศูนย์ เกิดเหตุ ว.204 เพลิงไหม้ซานติก้าผับ เอกมัย 11 เปลี่ยน....
       

       เสียงไซเรน.... เสียงหวอรถดับเพลิง รถอาสาหน่วยกู้ภัย รถพยาบาล ประสานเสียงดังสนั่นโหยหวนปลุกให้ผู้คนในย่านนั้น ขาเที่ยวต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ พร้อมกับคำถาม
       
       “มันเกิดอะไรขึ้น ไฟไหม้ที่ไหน”
       
       รถแต่ละคันห้อตะบึ่งเหยียบคันเร่งจมมิด ขับแหวกกลางถนนเสียงสีเส้นสุขุมวิท-เอกมัย มุ่งหน้าจุดหมายเดียวกัน “ซานติก้าผับ”
       
       ย่างเข้า 1 ม.ค.52 ณ เวลา 00.20 น.เพียงชั่วข้ามคืน ยามราตรีอันศิวิลัยเสียงสีสว่างไสวเปรียบประหนึ่งเป็นช่วงเวลากลางวัน ณ ใจกลางกรุงย่านเอกมัย ซอยทองหล่อ 9-11 สถานบันเทิง “ซานติก้าผับ” ท่ามกลางเสียงไฟสลัว กะพริบ ระยิบระยับ นักท่องราตรีไทย-เทศ สนุกสนานชูมือโยกเอวส่ายสะโพก โยกตัวเขย่าหัวให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลงกันอย่างเมามันสุดเหวี่ยง เสียงโฮร้องสลับกับเสียงกรี๊ดด้วยความสะใจ ถูกใจในจังหวะเพลง เหล่านักท่องราตรี ร่ำสุรากันเต็มที่
       
       “เอ้าดื่ม”
       “เอ้า ชน!! ดื่มให้หมดแก้ว” เสียงหนุ่มสาวยกแก้วเหล้าชนกับเพื่อนเมากันได้ที สนุกกันแบบลืมโลก
       
       ราตรีนี้ยังยาวไกล นักดื่ม นักเที่ยว กำลังสรวงเสเฮฮาเสียงเซ็งแซ่ตะเบ่งคุยกันแข่งกับเสียงเครื่องดนตรีบนเวที ที่บรรเลงกันอย่างเร้าร้อน เร้าใจ กระตุ้นต่อมแอลกอฮอล์ให้เกิดความคืกคัก สร้างความคึกคะนอง
       
       แต่ใครจะรู้บ้างเล่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมามัจจุราชที่เฝ้าจ้องมองพฤติกรรมของทุกคน จะมากระชากวิญญาณไปจากร่างอย่างไม่รู้ตัว หลังจุดพลุ จุดไฟเย็น เฉลิมฉลองเคานต์ดาวน์นับถอยหลัง 9..8..7..6..5..4..3..2..1.. เพื่อโบกมือลาปีเก่า เข้าสู่ปี 2009 ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
       

       
       ห้วงเวลาดื่มด่ำความสุขที่ทุกคนกำลังเสพกันอย่างเมามันเอร็ดอร่อย และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟในผับดับพรึ่บ เสียงเพลงสงบนิ่ง พระเพลิงลุกโหมไหม้ภายในผับ สะเก็ดไฟบนเพดานตกมาสู่พื้น นักเที่ยวทั้งหลายถูกไฟลวกตามร่างกาย เสียงหวีดร้อง! ระงมขอความช่วยเหลือ
       
       “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
       
       “ทางออกอยู่ไหน มันมองไม่เห็นทางเลย” หลากหลายเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของบรรดานักเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาแออัด กับวันฉลองปีใหม่ และกู๊ดบายซานติก้า เพราะเป็นวันสุดท้ายที่หมดสัญญา ทุกคนวิ่งหนีตายกันอลหม่าน พยายามดิ้นรน แก่งแย่งกันหาทางออกกันสุดชีวิต
       
       เสียงหวีดร้อง เสียงสำลักควัน ดิ้นทุรนทุรายจากความร้อน เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดแสบ ปวดร้อนก่อนสิ้นลมหายใจ ดังกึกก้องกลางเปลวเพลิง ควันไฟ หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งพยายามตะเกียก ตะกาย กรุยทางใช้ฝ่ามือตบ ตะปรบลูกไฟ เพื่อนำทางออกจากซานติก้านรก แต่อนิจจากลับถูกเหยียบนอนตายเกลื่อนไหม้เกรียมหน้าทางออกอย่างน่าอนาถ
       
       ความโกลาหลวุ่นวายในผับที่มืดมิด มีเพียงเสียงไฟจากเพลิงที่ลุกโชติช่วงลุกล่ามเผาไหม้ไปทั่วตัวอาคารซานติก้าอย่างรวดเร็ว ควันที่พวยพุ่งวิ่งหาทางออกตามช่องต่างๆ ทั้งเขม่าควันปกคลุม เหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เพดานซานติก้าพังครืนทรุดตัว เสียงร้องโอดโอยที่ถูกไฟลวกตามตัว มันโหยหวน แข่งกับเสียงพังถล่มของตัวอาคาร เสียงถังแก๊สในห้องทำอาหารระเบิด กระแสลมด้านนอกพัดกรรโชกแรง กระพือโหมไฟลุกโชนเผาสดร่างมนุษย์เต็มที่
       
       เพลิงเผาซานติก้าผับนานนับกว่าชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอย่างต่อเนื่อง ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ผนังอาคารพัง เพื่อเปิดทางให้หน่วยกู้ภัย เข้าไปช่วยคนข้างในให้รอดตายได้ และเข้าไปค้นหาศพที่ตายขนลำเลียงออกมา
       
       จวบจนรุ่งเช้าวันใหม่ 05.30 น. 1 ม.ค.52 หญิงสาววัย 19 ปีที่รอดตาย เล่าพรางสะอื้นร่ำไห้ “เพดานมันยุบพังลงมาข้างในมืดมาก สำลักควันจนแสบคอ วินาทีนั่นคิดแต่ว่าต้องไม่ตาย เราต้องรอด เหมือนในหนัง ไฟร้อนจ่อรนไปทั่วร่างเห็นติดตา ฮือ ฮือฮือฮือ!” หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูไหลไม่หยุด กับความตื่นตระหนกหวาดกลัว
       
       “ผมกำลังยื่นแก้วชนกับน้องผู้หญิงโต๊ะข้างๆ เหมือนมีความร้อนตกใส่แขน” ชายหนุ่มยังอยู่ในอาการตกใจสุดขีดละล่ำละลักพูด
       
       “เมื่อเงยหน้ามองเพดานเห็นไฟกำลังไหม้ขยายวงกว้าง แล้วมันก็เกิดขึ้นเร็วมาก ผมหายเมาเป็นปลิดทิ้ง” เค้าเล่าด้วยความกลัว
       
       อีกมุมหนึ่งของบริเวณด้านหน้า “ซานติก้าผับ” ที่เหลือแต่ซากปรัก หักพังจากเพลิงไหม้ ร่างของนายพลหน้ากลมตี๋ขาวแป้น เสมือนทาแป้งประร่ำ โป๊ะหน้าไว้ตลอดเวลา ได้เดินตรวจตราสำรวจความเสียหายตะโกนสั่งงานเสียงดังละรัว รวดเร็วชัดถ่อย ชัดคำ
       
       “เป็นไงเจอแล้วกี่ศพ ข้างในมีคนของเราเข้าไปช่วยเหลือออกมาหมดหรือยัง” พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ถามจนท.ที่ควบคุมดูแลอย่างใส่ใจ เจ้าหน้าที่รายงานนายทันที “เจอคนตาย 58 ศพ กำลังขนย้ายออกมาวางข้างนอกครับทั่น” แล้วหันหลังวิ่งเข้าไปช่วยด้านในต่อ
       
       นายตำรวจใหญ่ผู้มีผลงานสามารถสรุปปิดสำนวนคดีอาชญกรรมรวดเร็วบ่อยครั้ง หันมาพูดกับนักข่าวด้วยสีหน้าเศร้า “ผมสะเทือนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนะ มันเป็นอุทาหรณ์สถานที่เที่ยว เออ! ในเรื่องนี้เราต้องเร่งตรวจสอบความเป็นจริงว่าไง สาเหตุมันมาจากอะไรกันแน่”
       
       เมื่อไฟนรกโลกันต์ มอดไหม้ดับสนิท แต่ญาติพี่น้องของผู้ที่เคราะห์ร้ายถูกไฟเผาผลาญร่างอันไร้วิญญาณ เหลือเพียงเถาถ่าน ยังคงหาศพญาติที่สูญหายไปกับเปลวเพลิงไม่เจอ
       
       คืนอันหนาวเย็น วังเวง “พี่ยามๆๆๆๆ หนูอยู่ชั้น 2” ยามที่เฝ้าสุสานซานติก้า หันไปมองตามเสียงเค้าเห็นผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาดียืนอยู่บริเวณซุ้มประตูชั้นลอย เค้าเดินไปดูแต่ไม่พบอะไร เสียงหมาหอนรับกันเป็นช่วงๆๆ อากาศพัดเย็นเฉียบผ่านใบหน้าเค้า ขนหัว ขนแขนลุกตั้งชันนานและนาน “บรูว์ว์วววววๆๆๆๆๆ” เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอด ๆๆ
       
       เค้านั่งภาวนาให้เช้าเร็วๆ เพื่อเพื่อนจะได้มาเปลี่ยนกะ เค้าเผลองีบหลับเพลินจนเช้าไม่รู้ตัวเพื่อนมาสะกิดให้ตื่น เค้าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เพื่อนฟังและชวนกันไปดูจุดที่หญิงสาวเรียกอีกครั้ง ใช้ไม้เขี่ยดูที่กองขี้เถ้าพบชิ้นส่วนกระดูกข้อมือขวา กะโหลกศีรษะ กระดูกท่อนแขน 3-4 ท่อน ข้อมือ โทรศัพท์มือถือไอโฟน ของศพผู้ตายในกองเพลิง เค้ารำพึงกับตัวเองเบาๆ คงไม่รู้ว่าตัวเองจะตาย ไปสู่สุคติเถอะสาวน้อย
       
       ที่ห้องประชุม สน.ทองหล่อ “วันนี้เราได้หลักฐานเพียงพอที่จะขอออกหมายจับ “เสี่ยขาว-กับนายสุริยา ได้แล้ว” พล.ต.อ.จงรัก นั่งบัญชาการสั่งงานกับลูกน้องร่วมทำคดี
       
       ตำรวจได้ออกหมายจับ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หุ้นส่วนใหญ่ซานติก้า และนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการ บ.ไวท์แอนด์บราเธอร์ แจ้ง 2 ข้อหา ร่วมกันกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต และร่วมกันเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งสถานบริการ ยินยอมและปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปสถานบริการ
       
       ไม่กี่วันต่อมา “เสี่ยขาว” เข้ามอบตัวสู้คดี ตำรวจอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงินสูงถึง 1 ล้านบาท ส่วนนายสุริยา หลบหนีเข้ากลีบเมฆ จนปานนี้ยังตามตัวไม่เจอ คาดหนีออกนอกประเทศแล้ว
       
       กริ๊งๆๆ เสียงโทรศัพท์ต่อสายตรงถึง พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.4
       “วันนี้คุณนัดทีมทำคดีซานติก้าให้ผมหน่อย เรื่องที่สั่งให้ทำไปถึงไหนแล้ว” ปลายสาย พล.ต.อ.จงรัก สั่งการลูกน้อง
       
       เวลาหมุนเดินหมดไปอีกวัน อีกวัน! ทีมพนักงานสอบสวนคดีซานติก้า ได้เร่งสปีครวบรวมพยานหลักฐานเตรียมปิดคดีตามที่ นายพลใหญ่ นามว่า “จงรัก จุฑานนท์” สั่งงานด้วยตัวเองต่อเนื่อง
       
       ในเช้าวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ความกระจ่างก็เริ่มปรากฏ “ดิฉันมาแจ้งความเรื่องที่ถูกปลอมลายเซนต์ให้เป็นคนคุมงานร้านซานติก้าผับค่ะ” เมื่อ น.ส.รพี วุฒิมานานนท์ สถาปนิกชื่อดังเข้าแจ้งความถูกปลอมลายเซ็น เป็นคนคุมก่อสร้างซานติก้า ตอเริ่มปิดไม่มิดกับความชุ่ย มักง่าย สักแต่ได้
       
       “ดิฉันไปทำเรื่องขอดูพิมพ์เขียวที่ สนง.เขตวัฒนาแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าหาไม่เจอค่ะ” น.ส.รพีเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
       
       แล้วเธอเล่าต่อไปว่า “ไปแจ้งความหลายที่ถูกร้อยเวรปฏิเสธไม่รับแจ้ง บอกให้ดิฉันไปแจ้งในท้องที่เกิดเหตุเอง มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วสื่อเห็นใจด้วยค่ะ ดิฉันถูกปลอมลายเซนต์ไม่เกี่ยวกับซานติก้าเลย” น.ส.รพีพูดไปด้วยแววตาสีหน้าเศร้า
       
       เมื่อสืบค้นขุดคุ้ยลึกลงไปก็พบว่า ซานติก้าขออนุญาตสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้เป็นบ้านพักอาศัย แต่ดัดแปลงมาสร้างเป็นผับ มีพื้นที่ภายในกว้าง 500 ตารางเมตร จุคนได้เต็มที่เพียง 500 คน แต่ในวันเกิดโศกนาฎกรรมมีคนเรือนหมื่นเข้าไปเที่ยว เมื่อเกิดเพลิงไหม้ต้องสังเวยทั้งหมด 66 ศพ
       
       วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 27 วันเท่านั้น “จงรัก จุฑานนท์” ออกมาพ่นน้ำลายหน้ากล้องทีวี พูดเป็นตุ เป็นตะ เราออกหมายจับ “สราวุธ อะริยะ” อายุ 28 ปี นักร้องนำวงเบิร์น ผู้ต้องหาก่อเหตุเพลิงไหม้ ฟันฉับทางเราพบว่าเค้านี่แหละเป็นคนจุดไฟแช็กก้มลงจุดพลุ ในคืนที่เกิดเหตุจากนั้นพลุก็พุ่งขึ้นไปบนเพดานจนทำให้เกิดไฟลุกไหม้ เค้าเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ ทุกคนที่นั่งฟังนิ่งอึ้ง พยักหน้ารับคำบอกเล่าอย่างช้าๆ แล้วต่างคน ก็ต่างคิดกันไปต่างๆ นานา พร้อมส่ายหน้าสลับ กับ พยักหน้ารับ เหลือเชื่อ.....????
       
       ฝันหวานที่ “จงรัก” จะปิดคดียกให้ตัวเองเป็นพระเอกบนคราบน้ำตาญาติเหยื่อที่เคราะห์ร้าย ก็ต้องดับวูบ ส่งให้การสืบค้นคดีต้องล่าช้าออกไป เมื่อ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเนื้อในขั้นตอนตรวจสอบเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ว่า เบื้องต้นพบวัสดุที่ใช้ทำฝ้าเพดานควรเป็นวัสดุทนไฟอย่างมาก แต่ในที่เกิดเหตุพบว่าใช้วัสดุที่ติดไฟง่าย และลุกไหม้ได้รวดเร็ว อีกทั้งยังสงสัยโซนวีไอพีขนโซฟาขวางทางหนีไฟ
       
       “หมอได้ใช้เครื่องจีที 200 ตรวจสอบพบ 3 จุดที่มีสารโคเคน เฮโรอีน บริเวณห้องพักพนักงานทั้ง 2 ห้อง และห้องพักนักดนตรี ส่วนบริเวณห้องโถงใหญ่ก็พบจุดตัดสารยาเสพติดแต่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
       
       ผลของแนวทางตรวจสอบคดีซานติก้า ของกระทรวงยุติธรรมกับทีมตำรวจ ตรงข้ามกันสิ้นเชิง
       
       พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เล่าต่อไป “จากการสอบพยานพร้อมดูวีดีโอของผับซานติก้า ไม่เห็นนักร้องนำจุดพลุ แต่เห็นใช้เท้ากระทืบลูกไฟ หมอขอแนะให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์เหตุเพลิงไหม้คลี่คลายคดี จนถึงตอนนี้ยังไม่ขอสรุปสาเหตุเพลิงไหม้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายยังมีรอยไหม้อื่นอีกหลายจุดที่น่าสงสัย”
       

       
       ผู้สื่อข่าวได้นำเรื่องที่หมอพรทิพย์พูดไปถาม พล.ต.อ.จงรัก “ผมไม่ได้ดูวิดีโอนั่น ขอดูหมอเค้าก็ไม่ให้ เปล่าเล๊ย (ขึ้นเสียงสูง) มันไม่ใช่เรื่องฉีกหน้า ต้องดูกันในชั้นศาลประกอบด้วย” นายพลหน้าขาวพูดด้วยเสียงไม่พอใจที่ถูกถามจี้แทงใจดำ
       
       หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่กำลังไขไปสู่ความจริงแห่งต้นสายปลายเหตุไฟไหม้ซานติก้า นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรม โดย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รมว.ยุติธรรม ซัด “จงรัก” อัดแรงๆ เต็มๆ อีกว่า ได้สั่งสอบเอาผิดผู้เกี่ยวข้องคดีซานติก้า ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เอกชน และรู้ชื่อตำรวจที่สั่งไม่ฟ้อง 47 คดี นรกซานติก้าแล้ว โดยมีรายงานว่า สน.ทองหล่อได้จับกุมดำเนินคดีกับซานติก้า 47 คน แต่กลับไม่มีการสั่งปิดสถานบริการที่ทำผิดกฎหมาย
       
       ณ ห้องทำงานตึกสูง ริมถนนแจ้งวัฒนะ “พีระพันธุ์” ได้รับรายงานตลอด 5 ปีที่เปิดบริการซานติก้าหลบเลี่ยงไม่เสียภาษี กับกรมสรรพสามิต 25 ล้าน อีกทั้งคณะทำงานยังพบ นายประยนต์ ลายเสือ (พ.ต.อ.) เข้าถือหุ้นในบ.ไวท์แอนด์บราเธอร์ จำกัดด้วย
       
       6 เดือนผ่านมา! การไขปริศนาคดีเพลิงไหม้ซานติก้ายังไม่กระจ่าง ยังคงมีอีกหลายคำถามที่ประชาชนยังข้องใจ คนบาปฆ่าเผาคนทั้งเป็น 66 ศพ ในคืนวันอันเลวร้าย กับโศกนาฏกรรมซานติก้านรก ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ?????
       


http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000087800


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.narit.or.th
http://dbd-52.hi5.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.momypedia.com
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://icann-ncuc.ning.com
http://www.webmaster.or.th
http://weblogcamp2009.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น