อินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน
Bookmark and Share
Bookmark and Share

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การทำคนให้สูญหาย ปัญหาเรื้องรังของ กระบวนการยุติธรรมไทย


นายสมชาย นีละไพจิตร

 
วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 17:39:48 น.  มติชนออนไลน์

การทำคนให้สูญหาย ปัญหาเรื้องรังของ กระบวนการยุติธรรมไทย

คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม เนื่องในโอกาสวันผู้สูญหายสากล มีรายละเอียดดังนี้


วันที่ 30- 31 สิงหาคม ของทุกปี  เป็นวันที่ทั่วโลกร่วมกันรำลึกถึงผู้ถูกบังคับให้สูญหาย  และถือเป็นวันผู้สูญหายสากล (The International Day of the Disappearance) ซึ่งเป็นวันที่คนทั่วโลกมาร่วมกันเพื่อรำลึกถึงบุคคลที่สูญหายจากการละเมิด สิทธิมนุษยชน  หรือจากภาวะสงคราม  หรือการปราบปรามการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอยู่ในหลายประเทศ และส่งผลให้มีผู้สูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก


การบังคับให้บุคคลต้องสูญหายถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเป็น อาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมายาวนานและส่งผลกระทบ อันใหญ่หลวงต่อเหยื่อ ครอบครัว ชุมชนและสังคม รวมทั้งระบบนิติรัฐของสังคมไทย


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแม้จะมีการร้องเรียนเรื่องการบังคับสูญหายของ ผู้คนในสังคมไทย  แต่กระบวนการยุติธรรมไทยก็ดูเฉยเมยต่อการแสดงความจริงใจในการนำตัวผู้กระทำ ผิดมาลงโทษ  อีกทั้งองค์ความรู้ทางกฎมายไทยก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า หากไม่ปรากฏศพผู้เสียชีวิต กฎหมายไทยจะรับผิดชอบ  และเยียวยาครอบครัวผู้สูญหายของอย่างไร  โดยเฉพาะเมื่อผู้บังคับให้บุคคลต้องสูญหายคือเจ้าหน้าที่รัฐ  โดยสิ่งที่ครอบครัวผู้สูญหายต้องประสบมาโดยตลอดคือการปกปิดข้อมูล การทำลายพยานหลักฐาน และการข่มขู่คุกคามพยาน  เป็นผลให้ญาติพี่น้องผู้สูญหายเกิดความไม่ไว้วางใจต่อกระบวนการร้องเรียนและ การต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมเรื่องการบังคับให้บุคคลต้องสูญหาย


ในประเทศไทยนับแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 6 ตุลาฯ พฤษภาทมิฬ หรือเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ หรือกรณีผู้สูญหายของบุคคลในช่วงสงครามยาเสพติด หรือในกรณีอื่นๆที่เกิดขึ้นและไม่เป็นที่รับการรับรู้จากสังคมไทย เช่น การสูญหายของบุคคลในจังหวัดกาฬสินธุ์ หรือบรรดาชนเผ่าที่อยู่ตามชายขอบของประเทศไทย คงมีเพียงกรณีการสูญหายของนายสมชาย นีละไพจิตร เพียงกรณีเดียวที่สามารถนำขึ้นสู่การ พิจรณาคดีของศาล และศาลได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ทำให้นายสมชาย นีละไพจิตร ต้องสูญหาย ก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ 


อย่างไรก็ดึคดีการสูญหายของนายสมชาย นีละไพจิตร ก็ถูกทำให้ล่าช้าและถูกแทรกแซงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ปปช) หรือแม้แต่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ

 

ในโอกาสวันผู้สูญหายสากล (The International Day of the Disappearance) คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงท่าทีชัดเจนในการ ต่อต้านการบังคับให้บุคคลสูญหายจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยต้องแสดงความจริงใจในการพยายามค้นหาผู้สูญหาย และให้ความสำคัญในการตรวจพิสูจน์ศพนิรนามที่พบในทั่วทุกภาคของประเทศพร้อม ทั้งนำตัวผู้กระทำผิดที่ทำให้เกิดการสูญหายของบุคคลมาลงโทษตามกฎหมาย  เพื่อยุติวัฒนธรรมการงดเว้นโทษ (Culture of Impunity) ในประเทศไทย

 

 

และขอให้รัฐบาลไทยลงนามในอนุสัญญาฉบับใหม่ขององค์การสหประชาชาติเรื่อง การป้องกันบุคคลจากการบังคับให้สูญหาย (The International Convention on the Protection of All Persons from Forced Disappearance ) เพื่อให้ความคุ้มครองบุคคลจากการบังคับให้สูญหาย  สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และเพื่อเป็นการวางรากฐานของระบบนิติรัฐให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างแท้จริง  เพราะ การสูญหายของบุคคล คือการสูญหายของความยุติธรรม

---------------------------

หมายเหตุ : ความหมายของ การบังคับให้บุคคลสูญหายตามอนุสัญญาการป้องกันบุคคลจากการบังคับให้สูญหาย ขององค์การสหประชาชาติ  (The International Convention on the Protection of All Persons from Forced Disappearance- UN )  หมายถึงการทำให้บุคคลสูญเสียเสรีภาพไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดหรือด้วยเหตุผลใด ซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ  หรือบุคคลหรือกลุ่มคนที่กระทำโดยการได้รับคำสั่งได้รับการสนับสนุนหรือการ ยินยอมจากรัฐ และรวมทั้งการไม่เปิดเผยข้อมูลหรือการปฏิเสธในการรับรู้ถึงการสูญเสีย เสรีภาพหรือการสูญหายของบุคคล หรือการปิดบังข้อมูลความจริงหรือสถานที่ของบุคคลผู้สูญหายภายใต้คำจำกัดความ นี้บุคคลทั้งหมดนี้ได้กระทำการหรือสั่งให้มีการปิดบังหรือไม่เปิดเผยถิ่น พำนักของบุคคลที่หายตัวไป ก็จัดว่าเป็นการกระทำภายใต้การทำให้บุคคลสูญหายตามอนุสัญญาฯฉบับนี้ด้วย

 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1251628937&grpid=no&catid=02

                                    

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แรงงานนอกระบบ 4 แสนคนสร้างเม็ดเงินเกือบ 3 หมื่นล้าน ยังไร้การคุ้มครอง

 


 
วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 09:19:13 น.  มติชนออนไลน์

แรงงานนอกระบบ 4 แสนคนสร้างเม็ดเงินเกือบ 3 หมื่นล้าน ยังไร้การคุ้มครอง

ปัจจุบันแรงงานอาชีพคนทำงานในบ้านมีจำนวนตัวเลข จากศูนย์ข้อมูลวิจัยกสิกร จำกัด ได้คาดการณ์ว่าปี 2550 ที่ผ่านมามีแรงงานที่ทำงานในบ้านจำนวนมากถึง 400,000 คน สร้างเม็ดเงินสะพัดสูงถึง 27,000 ล้านบาท โดยมีอัตราค่าจ้างที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความพึงพอใจของนายจ้างในการกำหนดค่าจ้างให้กับตัวแรงงาน


ที่ผ่านมาแรงงานที่ทำงานในบ้านถูกมองในมิติทางเศรษฐศาสตร์ว่า เป็นแรงงานที่ทำงานไม่ก่อให้เกิดการสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ เมื่อถูกตีความในมิตินี้ จึงส่งผลต่อภาพการให้ความช่วยเหลือ คุ้มครองทางกฎหมายแรงงาน รวมถึงการเข้าถึงระบบสวัสดิการทางสังคมต่างๆที่แรงงานภาคส่วนนี้ควรจะได้รับ ทำให้สภาพชีวิตของแรงงานที่ทำงานในบ้านต้องเผชิญกับชะตากรรมต่างๆ เช่น การถูกขูดรีดค่าจ้างแรงงานอย่างไม่เป็นธรรม การเอาเปรียบด้านการทำงานที่มีชั่วโมงยาวนาน ไม่มีวันหยุดพักผ่อนที่แน่นอน ทำงานคนเดียวแต่รับใช้คนในครอบครัวและเครือญาติหลายคน มีโอกาสทางการศึกษาน้อย

 

บางรายถูกควบคุมเสรีภาพในการสื่อสารเพื่อการติดต่อกับคนภายนอก หรือญาติ ที่สำคัญแรงงานที่ทำงานในบ้านบางคนที่เป็นผู้หญิงหลายรายต้องตกอยู่ในสภาวะ ความไม่ปลอดภัยในเนื้อตัวร่างกาย และจบชีวิตลงด้วยการฆ่าต้วตาย หรือถูกหาตรกรรมจากนายจ้างบางคนหรือโจรโขมยเป็นต้น


จากสถานการณ์ที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น เนื่องในวัน “คนทำงานบ้านสากล” 28 สิงหาคม 2552 ทางเครือข่ายแรงงานนอกระบบ เครือข่ายปฎิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ เครือข่ายแรงงานทำงานบ้าน มูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า มูลนิธิ MAP มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก มูลนิธิเพื่อนหญิง ศูนย์ข่าวข้ามพรมแดน ได้จัดทำข้อเสนอและส่งมอบโปสการ์ดเพื่อยื่นต่อประธานกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำข้อเสนอและโปสการ์ดติดตามส่งต่อไปยังรัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ซึ่งมีข้อเสนอดังต่อไปนี้


1. ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้แก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน โดยบัญญัติว่าต้องคุ้มครองแรงงานที่ทำงานบ้านอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกับ แรงงานในภาคส่วนอื่น


2. ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดการตรวจสอบ ดูแลความปลอดภัย และอาชีวอนามัย เช่น ต้องให้นายจ้างจัดหาความจำเป็นขั้นพื้นฐานให้แก่ลูกจ้างทำงานบ้านตามความเหมาะสมกับฐานะของผู้ว่าจ้างได้แก่ การจัดหาที่พักอาศัยที่ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ มีอาหารและน้ำดื่มที่สะอาดเป็นต้น


3. ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้จัดให้นายจ้างนำพาลูกจ้างทำงานบ้านเข้าสู่การมีบัตรประกันสังคม เพื่อสวัสดิการทางสังคมของลูกจ้างและครอบครัวในอนาคต และเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน


4. ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้คุ้มครองสิทธิและกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างทำงานบ้านที่เป็นเด็ก ทั้งนี้ห้ามมิให้นายจ้างจ้างแรงงานเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี และห้ามมิให้แรงงานเด็กทำงานบ้านทำงานเกินวันละ 8 ชั่วโมง


5. ขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้จัดทำระบบการคุ้มครองทางทะเบียนลูกจ้างแรงงานทำงานบ้าน โดยให้นายจ้าง หรือผู้ว่าจ้างได้ทำการแจ้งการจ้างลูกจ้างต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครอง แรงงานในเขตพื้นที่ของตน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกต่อการติดตาม คุ้มครองจากพนักงานตรวจแรงงาน อีกทั้งสามารถทราบตัวเลขที่แท้จริงของแรงงานในภาคส่วนนี้ได้อย่างเป็นระบบ


6. ขอให้รัฐบาลจัดทำนโยบายแผนและงบประมาณ เพื่อการส่งเสริม พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้กับลูกจ้างทำงานบ้าน เช่น การจัดทำหลักสูตรและฝึกอบรม การให้บริการ การทำอาหาร อย่างมืออาชีพ อีกทั้งเปิดโอกาสให้ได้รับการศึกษาทั้งในระบบ และนอกระบบ โดยการไปฝึกอบรม และการไปศึกษา นายจ้างต้องอนุญาตให้ไปตามคำร้องขอจากลูกจ้าง และต้องจ่ายค่าจ้างเสมือนการมาทำงานให้กับนายจ้างตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด ไว้


เครือข่ายแรงงานนอกระบบ และคณะฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำข้อเสนอครั้งนี้จะด้รับการดูแลและเข้ามา เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนจากรัฐบาล กระทรวงแรงงาน และคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผูแทนราษฎร

 

ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา  

28 สิงหาคม 2552 วันแรงงานทำงานบ้านสากล

 

ศูนย์ประสานงานเครือข่ายแรงงานนอกระบบระดับชาติ
 เครือข่ายแรงงานนอกระบบ
เครือข่ายแรงงานข้ามชาติ
เครือข่ายแรงงานทำงานบ้าน
มูลนิธิร่วมมิตรไทย-พม่า
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก   
มูลนิธิเพื่อนหญิง
มูลนิธิ MAP
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1251426055&grpid=no&catid=02

ป.ป.ช.แฉ11พฤติกรรมทุจริตเชิงนโยบาย ชี้สมัย "ทักษิณ"ขรก.ฟิตแต่คอร์รัปชั่นสูงลิ่ว

 
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11494 มติชนรายวัน


ป.ป.ช.แฉ 11 พฤติกรรมทุจริตเชิงนโยบาย ชี้สมัย "ทักษิณ"ขรก.ฟิตแต่คอร์รัปชั่นสูงลิ่ว





เมื่อ วันที่ 28 สิงหาคม ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต สถาบันป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญา ธรรมศักดิ์ จัดอภิปราย "ทุจริตคอร์รัปชั่นหมดไป สังคมไทยได้อะไรคืนมา" โดยนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า การทุจริตที่สังคมไทยเผชิญอยู่คือการทุจริตเชิงนโยบายหรือผลประโยชน์ทับซ้อน คือเป็นการคอร์รัปชั่นที่บางครั้งถูกกฎหมาย แต่ผิดหลักประโยชน์ของสาธารณะหลักจริยธรรม ใช้เงื่อนไขทางการเมืองเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบุคคลเช่น กรณีเครื่องกดน้ำที่มีการยัดเยียดให้ชุมชน ทั้งที่ชุมชนไม่มีความต้องการ แล้วไปบังคับให้ชาวบ้านเซ็นรับ เป็นการโกงทางนโยบาย บางเครื่องยังเอากุญแจล็อคไว้ เปิดใช้ไม่ได้ นี่คือการคอร์รัปชั่นที่ผิดกฎหมายและจริยธรรมในระยะเวลาเดียวกัน ขณะเดียวกันยังพบว่า นักการเมืองเริ่มล้วงลูกข้าราชการไปจนถึงระดับ ซี 3-4 แล้ว ไม่ได้ล้วงเฉพาะหัวเหมือนในอดีต ซึ่ง ป.ป.ช.กำลังออกกฎหมายใหม่ว่าหากข้าราชการไม่ให้ความร่วมมือกับการทุจริตและ นำข้อมูลการทุจริตมาให้จะไม่สามารถโยกย้ายข้าราชการคนดังกล่าวออกจากตำแหน่ง ได้ และจะถูกกันไว้เป็นพยาน หากสามารถปราบการทุจริตได้สำเร็จ ข้าราชการก็จะได้รับรางวัลเป็นการปูนบำเหน็จด้วย

นายวิชากล่าวว่า พฤติกรรมการทุจริตเชิงผลประโยชน์ทับซ้อนมักเกิดขึ้นจาก 1.ทำธุรกิจกับตัวเองคิดโครงการที่ตัวเองมีธุรกิจอยู่ แต่มีการเลี่ยงให้พรรคพวกญาติพี่น้องดำเนินการแทน 2.นำโครงการลงสู่เขตเลือกตั้งของตัวเอง 3.ตรากฎหมายเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจตัวเอง 4.ใช้อำนาจแทรกแซงรัฐวิสาหกิจ 5.หาผลประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์ 6.ถอดถอนผู้บริหารหน่วยงานหรือองค์กรอิสระ 7.จัดตั้งบริษัท และนำเงินของรัฐไปลงทุน 8.ไปทำงานภาคธุรกิจที่อยู่ใต้การกำกับดูแลของตน 9.ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นพิเศษแลกกับการตัดสินใจเรื่องผลประโยชน์ สาธารณะ 10.ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์กับบุคคลภายนอก และ 11.ใช้อิทธิพลส่วนตัวเพื่อประโยชน์เครือญาติ

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของนักธุรกิจ เมื่อเดือนมีนาคม 2552 ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 50 บอกว่า การคอร์รัปชั่นของไทยอยู่ในระดับเท่าเดิม โดยคิดว่าเป็นทุนในการประกอบธุรกิจ เพราะถ้าไม่จ่ายงานก็ไม่เดิน และพบว่า นักธุรกิจมีการจ่ายเงินให้นักการเมืองเฉลี่ยตกปีละ 3.1 แสนบาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายร้อยละ 1-2 ของรายรับ นอกจากนี้ยังพบว่าในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นยุคที่ข้าราชการมีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด แต่ก็มีการคอร์รัปชั่นสูงที่สุดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ผลที่ประเทศจะได้รับสามารถขจัดการคอร์รัปชั่นให้หมดสิ้นไปได้คือ จะช่วยประหยัดงบประมาณได้ประมาณ 30,000-120,000 ล้านบาทต่อปี

นาย อุทิศ ขาวเธียร รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า การทุจริตในอนาคตจะเป็นแบบไฮบริด เป็นพันธุ์ผสมและมีการดื้อยา หากไม่เตรียมตัวตั้งแต่ต้น ป.ป.ช.จะกลายเป็นตัวตลก ดังนั้น ป.ป.ช.จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพราะขณะนี้ ป.ป.ช.เป็นเป้าที่เห็นได้ง่าย ขัดขาได้ง่าย ทำอะไรใครก็รู้ จึงต้องปรับองค์กรให้มีขนาดเล็กแต่ทำงานคล่องตัว มีการกระจายอำนาจและกระจายงาน ลดการทำงานประจำลง และทำตัวเป็นโดนัทที่พร้อมรับทุกอย่าง นอกจากนี้ยังต้องเป็นองค์กรอุดมสติปัญญาต้องเท่าทันการทุจริตที่จะเกิดขึ้น เพราะ ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ แต่ทำตัวเป็นราชการ ดังนั้น จะต้องลดความแข็งตัวขององค์กรลงไป


หน้า 11

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ประชาไท | Prachatai.com


 
จาก: ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์ <service@prachatai.com>
วันที่: สิงหาคม 29, 2009 5:07 ก่อนเที่ยง
หัวเรื่อง: ประชาไท | Prachatai.com
ถึง: 


ประชาไท | Prachatai.com

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

ครส. คัดค้านหมายจับ 3 แกนนำคนงานไทรอัมพ์ ชี้ละเมิดสิทธิทางการเมือง

Posted: 28 Aug 2009 11:35 AM PDT

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) คัดค้านการออกหมายจับ 3 แกนนำคนงานไทรอัมพ์ ชี้ละเมิดสิทธิทางการเมืองของประชาชน ขัดรธน.และกติการะหว่างประเทศ จี้นายกฯ สั่งถอนหมายจับทันที

read more

ประชาไทใส่เสียง: 28 สิงหาคม 2552

Posted: 28 Aug 2009 07:49 AM PDT

ประชาไทใส่เสียง: 28 สิงหาคม 2552
 
ดำเนินรายการโดย: นวลน้อย ธรรมเสถียร

  • สหภาพแรงงานไทรอัมพ์รับรางวัลเหรียญเจริญ วัดอักษร
  • สัมภาษณ์ปริญญา เทวนฤมิตรกุล ว่าด้วยกฎหมายหมิ่นฯ
  • ปลดอาวุธในภาคใต้
  • คุยกับผู้ประสานงานโครงการอ่านสร้างชาติ

read more

คนทำงานในบ้าน โอด กม.ไม่คุ้มครอง ทั้งที่สร้าง ศก.กว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี

Posted: 28 Aug 2009 05:37 AM PDT

คนทำงานในบ้านเศร้าโดนรัฐทิ้งกลายเป็นแรงงานนอกระบบ ไร้สิทธิทางกฎหมาย ไม่ได้รับการคุ้มครอง ทั้งที่สร้างเม็ดเงินปีละเกือบสามหมื่นล้าน กลับถูกเมินว่าไร้ค่า กรรมาธิการแรงงาน เร่งผลักดันกฎหมายคุ้มครองแรงงานนอกระบบฯ เอ็นจีโอแรงงานเสนอแก้กฎหมาย กำหนดเกณฑ์คุ้มครองสร้างคุณภาพชีวิต

read more

ตร.ออกหมายจับ 3 แกนนำคนงานไทรอัมพ์ฯ ฐานชุมนุมปิดถนนหน้าทำเนียบฯ ก่อความวุ่นวาย ทำปชช.เดือดร้อน

Posted: 28 Aug 2009 04:30 AM PDT

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ออกหมายจับ 3 แกนนำการชุมนุมของสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวาย เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ทำประชาชนเดือดร้อน ด้านแกนนำผู้ถูกกล่าวหา ระบุยังไม่ได้รับหมายจับ

read more

จำคุก 18 ปี ดา ตอร์ปิโด คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

Posted: 27 Aug 2009 09:04 PM PDT

ศาลตัดสิน ดา ตอร์ปิโด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหา 3 กรรม จากการปราศรัยที่สนามหลวง 3 ครั้ง ตัดสินจำคุกกรรมละ 6 ปี รวม 18 ปี บ่ายนี้ จำเลยเตรียมฟังการพิจารณาคดีหมิ่นประมาท พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร อีกคดี ทนายยื่นศาล รธน. พิจารณาคดีปิดลับละเมิดสิทธิจำเลย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง: 

read more

You are subscribed to email updates from ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์
To stop receiving these emails, you may unsubscribe now.
Email delivery powered by Google
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.narit.or.th
http://dbd-52.hi5.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.momypedia.com
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://icann-ncuc.ning.com
http://www.webmaster.or.th
http://weblogcamp2009.blogspot.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ประชาไท | Prachatai.com



 
จาก: ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์ <service@prachatai.com>
วันที่: สิงหาคม 28, 2009 5:08 ก่อนเที่ยง
หัวเรื่อง: ประชาไท | Prachatai.com
ถึง: 


ประชาไท | Prachatai.com

Link to ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์

ศาลพิพากษา "จารุวรรณ" ย้าย ขรก.มิชอบ

Posted: 27 Aug 2009 01:11 PM PDT

ศาลปกครองพิพากษาคุณหญิงจารุวรรณแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ สตง.โดยมิชอบอีก ผู้ฟ้องระบุ ถูกอดีตผู้ว่าการ สตง. สั่งย้ายเพราะความไม่พอใจส่วนตัว

read more

พัชรวาทฟ้อง "เอเอสทีวี" ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

Posted: 27 Aug 2009 12:34 PM PDT

ผบ.ตร.ฟ้องเอเอสทีวีอีกคดี ระบุใส่ความ "คดีลอบยิงสนธิ" กล่าวหาโจทก์ปฏิบัติมิชอบเพื่อแสวงหาความร่ำรวยก่อนเกษียน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 22 พ.ย. นี้

read more

"มาร์ค" สั่งหาคนตัดต่อคลิปเสียงสั่งสลายม็อบ แฉคนเผยแพร่เครือข่าย บ.อดีตนายกฯ

Posted: 27 Aug 2009 12:17 PM PDT

"มาร์ค" สั่ง ผบ.ตร.จัดการเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องกับคลิปเสียงตัดต่อสั่งสลายม็อบ ชี้หลายคนที่เผยแพร่เกี่ยวข้องกับบริษัทอดีตนายกฯ "ศิริโชค" โชว์กราฟพิสูจน์ บอกเหมือนกับตัดแปะ ส่วน "จตุพร" บอกเสื้อแดงไม่ติดใจ ให้นายกฯ ไปถามทหาร-คนในรัฐบาล

read more

พม่าเตือนว้า-เมืองลา ห้ามรับผู้นำโกก้างเข้าพื้นที่ ด้านผู้อพยพทะลักจีนนับหมื่น

Posted: 27 Aug 2009 11:37 AM PDT

ทหารพม่าเปิดศึกกับกลุ่มหยุดยิงโกก้างเช้าวานนี้ ผลทหารพม่าดับ 3 นาย หนีเข้าจีนถูกปลดอาวุธอีกกว่า 20 นาย ขณะที่พม่าเตือนกลุ่มหยุดยิงว้า-เมืองลา ห้ามรับผู้นำโกก้างพร้อมพวก ด้านยอดผู้ลี้ภัยจากเขตปกครองพิเศษโกก้างเข้าชายแดนจีนแล้วนับหมื่น

read more

แอมเนสตี้สากล ระบุไทยรื้อฟื้นประหารนักโทษเท่ากับก้าวถอยหลัง

Posted: 27 Aug 2009 09:26 AM PDT

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวนการใช้โทษประหารโดยด่วน ระบุไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่าโทษประหารมีส่วนช่วยป้องกันอาชญากรรม

read more

คนเสื้อแดงร้อง กก.สิทธิฯ ตรวจสอบรัฐใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง คุกคามสิทธิเสรีภาพ

Posted: 27 Aug 2009 08:47 AM PDT

กลุ่ม 24 มิถุนาฯ นำทีมคนเสื้อแดงร้องเรียนกรรมการสิทธิฯ กรณี ครม.ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่ดุสิต ระบุให้ร้ายการชุมนุมคนเสื้อแดง เชิญกรรมการสิทธิฯ ร่วมสังเกตการณ์ ‘จรัล ดิษฐาอภิชัย’ เตือนกรรมการสิทธิชุดนี้อย่าให้เหมือนชุดก่อน

read more

คปท.จัดผ้าป่าระดมทุน ตั้งกองทุนโฉนดชุมชน-พัฒนาเกษตรยั่งยืน

Posted: 27 Aug 2009 08:21 AM PDT

เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย เชิญชวนร่วมทำบุญผ้าป่า 29 – 30 สิงหาคม นี้ เพื่อให้เจตนารมณ์ในการจัดการที่ดินและทรัพยากร รวมทั้งการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนให้ปรากฏเป็นจริงได้ อีกทั้งจะเป็นการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนตามนโยบายรัฐบาล

read more

นักวิชาการคมนาคมเห็นด้วยกำหนดอายุรถโดยสาร-องค์กรผู้บริโภคจี้ศึกษาการละเมิดสิทธิผู้โดยสาร

Posted: 27 Aug 2009 06:52 AM PDT

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เผยเห็นด้วยกำหนดอายุรถโดยสาร เผยรถโดยสารในสงขลาเก่าสุด 45 ปี ผลศึกษาเบื้องต้นระบุทำเลนรถเมล์ด่วนวิ่งเชื่อมหาดใหญ่ – สงขลาเหมาะสมที่สุด ชี้หากรื้อฟื้นทางรถไฟเก่าต้องใช้งบถึง 4 พันกว่าล้าน องค์กรผู้บริโภคจี้ให้ศึกษาการละเมิดสิทธิผู้โดยสารด้วย

read more

รายงาน: ‘อภิสิทธิ์’ ลั่นค้าน ‘พ.ร.บ.ความมั่นคง’ (เหตุเกิดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว)

Posted: 27 Aug 2009 06:33 AM PDT

ทัศนะของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” (เมื่อ 2 ปีที่แล้ว) คัดค้านการผ่านร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเห็นว่าหากนิยาม “ภัยคุกคามความมั่นคง” อย่างไม่แยกแยะ อาจมีการใช้กฎหมายในทางที่ผิด และย้ำว่าการชุมนุมทางการเมืองเป็นสิทธิที่ทุกคนพึงมีตราบเท่าที่ไม่ใช้ความรุนแรง การควบคุมต้องต่างจากการก่อการร้าย และย้ำว่าหากกฎหมายผ่าน สนช. ต้องแก้ไข

read more

"ระพี สาคริก" แนะพัฒนาสิทธิเกษตรกร สร้างกองทัพเศรษฐกิจสู้วิกฤติ

Posted: 27 Aug 2009 06:06 AM PDT

มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ

ศ.ระพี ระบุ ปัจจุบันภาคเกษตรไทยถูกทำลาย เกษตรกรทิ้งถิ่นหนีเข้าเมือง ลืมจิตวิญญาณเกษตรกรไทย ไม่รักแผ่นดิน เห็นแก่เงิน ถึงเวลาฟื้นจิตวิญญาณเกษตรกรไทยเติมความรู้-ความรอบรู้ ส่งเสริมประชาธิปไตย คนข้างบนเลิกออกกฎหมายกดหัวคนข้างล่าง ก่อนกองทัพเศรษฐกิจภาคเกษตรจะแตกพ่าย

read more

วิทยุชุมชน: ไปให้ถึงพันธกิจการปฏิรูปสื่อเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง

Posted: 27 Aug 2009 05:45 AM PDT

“นพ.นิรันดร์” แนะจุดสำคัญวิทยุชุมชน ต้องทำลายพื้นที่ธุรกิจ พื้นที่มวลชน และผู้ผูกขาดการออกสื่อ พร้อมเสนอตัวเป็นผู้เชื่อมประสาน ตัวแทน “พอช.” ชี้หน่วยงานที่สนับสนุนเรื่องวิทยุชุมชนต้องเอาชุมชนเป็นตัวตั้ง และไม่ใช้วิทยุชุมชนเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง

read more

ฝนกลางไฟ: ห้าสิบเสียงจากผู้หญิงชายแดนภาคใต้

Posted: 27 Aug 2009 01:05 AM PDT

จิตต์ปภัสสร์ บัตรประโคน

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุดเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยมุมมอง สายตา เรื่องเล่า ของผู้หญิงที่นั่นที่ยังพยายามดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความหวัง

read more

วิดีโอบันทึกเสวนา : วิกฤติเลิกจ้าง วิกฤติแรงงาน วิกฤติเศรษฐกิจการเมืองไทย

Posted: 26 Aug 2009 08:12 PM PDT

You are subscribed to email updates from ประชาไท หนังสือพิมพ์ออนไลน์
To stop receiving these emails, you may unsubscribe now.
Email delivery powered by Google
Google Inc., 20 West Kinzie, Chicago IL USA 60610



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.narit.or.th
http://dbd-52.hi5.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.momypedia.com
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://icann-ncuc.ning.com
http://www.webmaster.or.th
http://weblogcamp2009.blogspot.com

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

[netizen] แนวการจัดทํานโยบายความเป็นส่วนตัว "Privacy Policy" โดยคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์



  



> Date: Fri, 21 Aug 2009 02:49:57 +0700
> Subject: [netizen] แนวการจัดทํานโยบายความเป็นส่วนตัว "Privacy Policy" โดยคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
> From: arthit@gmail.com
> To: thainetizen@googlegroups.com
>
> แนวการจัดทํานโยบายความเป็นส่วนตัว "Privacy Policy"
> โดยคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
> ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
> สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
> http://www.etcommission.go.th/books/privacy.policy.a4.final.pdf
>
> fyi, คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ชุดที่ 2 กำลังจะหมดวาระ 27
> กันยานี้ http://is.gd/2qxHR
>
> --~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
> Thai Netizen Network
> http://thainetizen.org/
>
> ----
> u rcvd diz msg bcoz u r sbscbd 2 d "Thai Netizen Network" grp.
> post, email thainetizen@googlegroups.com
> leave, email thainetizen+unsubscribe@googlegroups.com
> info, http://groups.google.com/group/thainetizen
> -~----------~----~----~----~------~----~------~--~---
>


ถูกพบอยู่กับ Buddy! แท็กรูปของคุณแล้วลุ้นคว้ารางวัลอันน่าตื่นตาตื่นใจ คลิกที่นี่เลย

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ชำแหละภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีต่ำ-ยกเว้นการจัดเก็บมากเกินไปไม่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ?



วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552 เวลา 10:21:49 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 
 
ชำแหละภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีต่ำ-ยกเว้นการจัดเก็บมากเกินไปไม่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ?

ประชาชาติออนไลน์ วิเคราะห์ ร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯฉบับที่ขุนคลัง จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันอังคารที่ 25 สิงหาคม ศกนี้ อย่างละเอียด ชำแหละให้เห็นถึงจุดบกพร่องของภาษีโรงเรือนที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ พร้อมผ่าร่างภาษีฉบับใหม่ แบบฟันธงว่า เป็นการประนีประนอมแบบสุดๆ กับเจ้าที่ดิน และเตือนว่า จุดอ่อนคือความโปร่งใสของท้องถิ่น เพราะเงิน 90,000 ล้านต่อปีไม่เข้าใครออกใคร

25 สิงหาคม นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.กระทรวงการคลัง จะเสนอร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ...เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่สภาภายในปีนี้ การเดินทางของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างผ่านมา 15 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2537 ในรัฐบาลชวน หลีกภัย 1 (23 ก.ย.2535-12 ก.ค.2538) 

 

รัฐบาลผ่านมาผ่านไปหลายชุด แต่ไม่มีใครแตะกฎหมายร้อนฉบับนี้ ในปี 2550 ช่วงรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยนั้นได้ขอถอนร่างกฎหมายออกไป  

 
นายฉลองภพอ้างว่า ภาษีที่ดินเป็นเรื่องการแบ่ง (ขนม) เค้ก ต้องให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตัดสินใจ
เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ต้องมีกฎหมายภาษีที่ดินฉบับใหม่ เพราะกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ใช้มาแล้วกว่า 77 ปี ขณะที่ภาษีบำรุงท้องที่ใช้มาแล้ว 44 ปี มีความล้าสมัยและโบราณอย่างมาก


@ ข้อบกพร่องของภาษีท้องถิ่น


ข้อบกพร่องของภาษีโรงเรือนฯที่สำคัญประการแรกคือ ฐานภาษีคิดจากค่าเช่า  ดังนั้นจึงไม่ใช่ภาษีทรัพย์สินที่แท้จริง เพราะไม่ทราบถึงมูลค่าทรัพย์สินที่แท้จริงและยังไม่เป็นธรรมด้วย เช่น กรณีมีบ้าน 2 หลัง หลังแรกอยู่อาศัยเองไม่ต้องเสียภาษี และอีกหลังให้เช่าซึ่งจะต้องเสียภาษีจากค่าเช่า แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ให้เช่ารวมภาระภาษีเข้าไปในค่าเช่า และผลักภาระให้ผู้เช่าแทน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย จึงไม่เป็นธรรม เพราะคนจนยังจ่ายภาษีมากกว่าคนรวย


นอกจากนี้อัตราภาษีที่สูงถึง 12.5% และมีช่องโหว่ทางกฎหมาย เช่น กรณีมีบ้านเป็นที่อยู่อาศัยและเปิดเป็นร้านโชห่วยด้วย ในส่วนที่อยู่อาศัยไม่ต้องเสียภาษี แต่ในส่วนของร้านโชห่วยต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นผู้ประเมินราคา หากรู้จักกับเจ้าหน้าที่ประเมินก็อาจประเมินราคาภาษีให้ต่ำ หากไม่รู้จักอาจประเมินราคาให้สูง ปัญหาดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีอย่างมาก


ส่วนภาษีบำรุงท้องที่น่าจะเป็นกฎหมายภาษีที่ดินที่ดีที่สุด เพียงแต่ว่าฐานภาษีที่ใช้ประเมินราคาที่ดินนั้นใช้มาตั้งแต่ปี 2524 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะอัตราการจัดเก็บภาษีเป็นอัตราถดถอย คือที่ดินราคาแพงกลับเสียภาษีถูก แต่ที่ดินราคาถูกกลับต้องเสียภาษีแพง


ตัวอย่างเช่น มูลค่าที่ดินราคาตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปเสียภาษีเพียง 0.25% แต่ราคาต่ำกว่า 30,000 บาทลงมาเสียภาษีถึง 0.5% โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ นอกจากนั้นถ้ามีที่ดินไม่ถึง 50 ตารางวาในกรุงเทพมหานครและไม่เกิน 5 ไร่ในต่างจังหวัดได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เท่ากับว่าได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีทั้ง 2 รายการดังกล่าว


@ ภาษีที่ดิน เครื่องมือกระจายรายได้


นอกจากประเด็นเรื่องความไร้ประสิทธิภาพของภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่แล้ว ประเด็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยอีกประการคือ ปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนได้ห่างออกจากกันไปเรื่อยๆ จากงานวิจัยของ ดร.อัมมาร สยามวาลา และ ดร.สมชัย จิตสุชน ระบุว่า "รายได้จากกลุ่มคนรวยสุดคิดเป็นเกือบ 14 เท่าของคนจนสุด" ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยนักวิชาการหลายคนเชื่อว่าระบบภาษีที่ดินใหม่จะเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้


ทั้งนี้หลักการสำคัญของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 3 ประการคือ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม การใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) หากพิจารณาจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พบว่าประชาชนทั่วประเทศถึง 90% ถือครองที่ดินโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1 ไร่ ส่วนที่เหลือก็มีเพียง 10% เท่านั้นที่ถือครองที่ดินมากกว่า 100 ไร่ นี่คือความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น


จากข้อมูลของ สศค.ชี้ให้เห็นว่า การถือครองที่ดินในประเทศไทยมีลักษณะกระจุกตัวอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่าในสัดส่วน 10% ที่ถือครองที่ดินมากกว่า 100 ไร่นั้น มีถึง 75% ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นเพียงการซื้อที่ดินเปล่าทิ้งไว้เพื่อเก็งกำไร แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่มีระบบภาษีที่เป็นธรรมมาดูแลการกระจายการถือครองที่ดินหรือมีระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ


งานวิจัยเรื่องนโยบายและมาตรการการคลังเพื่อความเป็นธรรมในการกระจายรายได้ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งศึกษาการกระจายการถือครองที่ดินในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่าในปี 2551 กรุงเทพมหานครมีขนาดพื้นที่ทั้งหมดที่สามารถถือครองได้ 927,074 ไร่ 1 งาน 18.6 ตารางวา จำนวนโฉนดที่ดินทั้งหมด 1,915,388 แปลง จำนวนรายที่ถือครองที่ดินในกรุงเทพมหานคร 1,464,207 ราย 


ทั้งนี้ผู้ที่ถือครองที่ดินมากที่สุดในกรุงเทพมหานครถือครองที่ดิน 14,776 ไร่ 1 งาน 39.7 ตารางวา ขณะที่ผู้ถือครองที่ดินน้อยที่สุดในกรุงเทพมหานครถือครองที่ดินเพียง 0.1 ตารางวา สัดส่วนการถือครองที่ดินมากที่สุด 50 อันดับแรกต่อ 50 อันดับสุดท้ายมีค่าสูงถึง 291,607.50 เท่า หมายความว่า กลุ่มคนที่มีที่ดินมากที่สุด ได้ถือครองที่ดินมากกว่ากลุ่มคนที่มีที่ดินน้อยที่สุดในกรุงเทพมหานครถึง 291,607.50 เท่า

 

@  เพิ่มเงินให้ท้องถิ่น 9 หมื่นล้าน


นอกจากนี้ยังมีประเด็นปัญหาเรื่องความสามารถขององค์กรปกครองท้องถิ่นในการจัดเก็บภาษี ปัจจุบันรายได้ของ อปท.ที่จัดเก็บเองมีเพียง 10% เท่านั้น หรือประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท โดยเป็นการจัดเก็บจากภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีป้าย และอื่นๆ ส่วนอีก 90% มาจากงบฯกลางของรัฐบาลที่เก็บให้และแบ่งให้ โดยในปี 2551 รัฐบาลเก็บให้และแบ่งให้ อปท. 193,676 ล้านบาท


หากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น ประเทศนิวซีแลนด์ ท้องถิ่นจัดเก็บรายได้เองถึง 90% หรือประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย เช่น ประเทศมาเลเซีย  ท้องถิ่นจัดเก็บรายได้เอง 85% จากข้อมูลทั้งหมดชี้ชัดว่า อปท.ของประเทศไทยจัดเก็บภาษีเองได้น้อยมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ


ฉะนั้นถ้าจะส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.อย่างจริงจัง การนำระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาใช้ย่อมมีประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาท้องถิ่น และยังลดงบประมาณจากรัฐบาลที่ส่งให้แก่ท้องถิ่นปีละเกือบ 2 แสนล้าน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอนำไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ และจากการคาดการณ์ของ สศค.พบว่า หากท้องถิ่นเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มเพดานจะเก็บภาษีได้มากกว่า 90,000 ล้านต่อปี

 

@  อัตราภาษีที่ดินแบบประนีประนอม


จากร่างภาษีที่ดินฉบับใหม่จะทำให้ทุกคนเสียภาษีที่ดินเหมือนกันหมด โดยมีฐานภาษี 3 อัตราที่ต่างกันไปตามขนาดและมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอัตราแรกเป็นอัตราภาษีทั่วไป สำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (เชิงพาณิชย์) ไม่เกินร้อยละ 0.5 ของฐานภาษี  อัตราที่สองเป็นอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่อยู่อาศัยของตน โดยไม่ประกอบเชิงพาณิชย์ ไม่เกินร้อยละ 0.1 ของฐานภาษี อัตราที่สามเป็นอัตราภาษีสำหรับที่ดินที่ใช้ประกอบเกษตรกรรม ไม่เกินร้อยละ 0.05 ของฐานภาษี


ทั้งนี้กรณีที่ อปท.มีเหตุผลและความจำเป็นในการพัฒนาท้องถิ่นของตน อปท.มีอำนาจออกข้อบัญญัติกำหนดอัตราภาษีเพิ่มขึ้นจากอัตราภาษีที่คณะกรรมการกำหนดอัตราภาษีกำหนด แต่ไม่เกินเพดานอัตราภาษีที่กฎหมายกำหนด
สำหรับอัตราภาษีสำหรับที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน ใน 3 ปีแรกให้เสียภาษีในอัตราไม่ต่ำกว่าอัตราทั่วไปที่คณะกรรมการกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้กำหนดไว้ แต่ไม่เกินร้อยละ 0.5 ของฐานภาษี และหากยังไม่ได้ทำประโยชน์อีกให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า ในทุก 3 ปี แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของฐานภาษี 

อย่างไรก็ตามทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษีมี 10 ประเภท ดังนี้
1.ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
2.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่มิได้ใช้หาผลประโยชน์
3.ทรัพย์สินของรัฐที่ใช้ในกิจการของรัฐหรือสาธารณะโดยมิได้หาผลประโยชน์
4.ทรัพย์สินที่ทำการของสหประชาชาติทบวงการชำนาญพิเศษขององค์การสหประชาชาติ หรือองค์การระหว่างประเทศอื่น ซึ่งประเทศไทยมีข้อผูกพันที่ต้องยกเว้นภาษี 
5.ทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการสถานทูต หรือสถานกงสุลของต่างประเทศ
6.ทรัพย์สินของสภากาชาดไทย
7.ทรัพย์สินที่เป็นศาสนสมบัติไม่ว่าเป็นของศาสนาใด หรือทรัพย์สินที่เป็นศาลเจ้าโดยมิได้ใช้หาผลประโยชน์
8.ทรัพย์สินที่ใช้เป็นสุสานสาธารณะ หรือฌาปนสถานสาธารณะโดยมิได้รับประโยชน์ตอบแทน
9.ทรัพย์สินของเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ เฉพาะส่วนที่ได้ยินยอมให้ทางราชการใช้หรือประชาชนใช้โดยมิได้หาผลประโยชน์
10.ทรัพย์สินตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา


@ ประเด็นที่ควรแก้ไข


ก่อนหน้านี้ ดร.ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะทำให้รายรับของ อปท.เพิ่มขึ้น แต่อาจส่งผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนา กล่าวคือ income inequality ระหว่าง อปท.จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

โดยสรุปภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้แทนภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ในหลายประการ แต่กระนั้นก็ยังมีบางประเด็นที่ควรปรับปรุงแก้ไข เช่น อัตราภาษีทั่วไปสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (เชิงพาณิชย์) ไม่เกินร้อยละ 0.5 และอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกินร้อยละ 0.1 ต่ำเกินไป ควรเก็บให้สูงกว่านี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย


นอกจากนี้ทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี 10 รายการตามร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินควรตัดออกไปให้น้อยที่สุด และไม่ควรเปิดช่องให้มีการออกพระราชกฤษฎีกามายกเว้นทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษีในอนาคต  
ประการสุดท้ายสิ่งที่น่าห่วงใยคือ ศักยภาพและประสิทธิภาพของแต่ละท้องถิ่น ในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงหลักธรรมาภิบาล เพราะหากมิเช่นนั้นแล้วจะนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมและความไม่โปร่งใส

                                            http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1250825217&grpid=00&catid=00

--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.educationatclick.com
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

[netizen] Bruce Schneier on Building in Surveillance into Internet



 
From: Poomjit Sirawongprasert <poomjit@gmail.com>
Date: ส.ค. 15, 2009 11:35 หลังเที่ยง
Subject: [netizen] Fwd: Bruce Schneier on Building in Surveillance into Internet
To: Thai Netizen Network <thainetizen@googlegroups.com>

 

 
From: Robin Gross <robin@ipjustice.org>
Date: Sat, Aug 15, 2009 at 11:04 PM
Subject: Bruce Schneier on Building in Surveillance into Internet
To: NCUC-DISCUSS@listserv.syr.edu


Begin forwarded message:

Date: August 15, 2009 7:33:56 AM PDT
Subject: [IRP] Building in Surveillance

 
Building in Surveillance
Crypto-Gram Newsletter
Bruce Schneier
Chief Security Technology Officer, BT

 
China is the world's most successful Internet censor. While the Great
Firewall of China isn't perfect, it effectively limits information flowing
in and out of the country. But now the Chinese government is taking things
one step further.

 
Under a requirement taking effect soon, every computer sold in China will
have to contain the Green Dam Youth Escort software package. Ostensibly a
pornography filter, it is government spyware that will watch every citizen
on the Internet.

 
Green Dam has many uses. It can police a list of forbidden Web sites. It
can monitor a user's reading habits. It can even enlist the computer in
some massive botnet attack, as part of a hypothetical future cyberwar.

 
China's actions may be extreme, but they're not unique. Democratic
governments around the world -- Sweden, Canada and the United Kingdom, for
example -- are rushing to pass laws giving their police new powers of
Internet surveillance, in many cases requiring communications system
providers to redesign products and services they sell.

 
Many are passing data retention laws, forcing companies to keep
information on their customers. Just recently, the German government
proposed giving itself the power to censor the Internet.

 
The United States is no exception. The 1994 CALEA law required phone
companies to facilitate FBI eavesdropping, and since 2001, the NSA has
built substantial eavesdropping systems in the United States. The
government has repeatedly proposed Internet data retention laws, allowing
surveillance into past activities as well as present.

 
Systems like this invite criminal appropriation and government abuse. New
police powers, enacted to fight terrorism, are already used in situations
of normal crime. Internet surveillance and control will be no different.

 
Official misuses are bad enough, but the unofficial uses worry me more.
Any surveillance and control system must itself be secured. An
infrastructure conducive to surveillance and control invites surveillance
and control, both by the people you expect and by the people you don't.

 
China's government designed Green Dam for its own use, but it's been
subverted. Why does anyone think that criminals won't be able to use it to
steal bank account and credit card information, use it to launch other
attacks, or turn it into a massive spam-sending botnet?

 
Why does anyone think that only authorized law enforcement will mine
collected Internet data or eavesdrop on phone and IM conversations?

 
These risks are not theoretical. After 9/11, the National Security Agency
built a surveillance infrastructure to eavesdrop on telephone calls and
e-mails within the United States.

 
Although procedural rules stated that only non-Americans and international
phone calls were to be listened to, actual practice didn't always match
those rules. NSA analysts collected more data than they were authorized
to, and used the system to spy on wives, girlfriends, and famous people
such as President Clinton.

 
But that's not the most serious misuse of a telecommunications
surveillance infrastructure. In Greece, between June 2004 and March 2005,
someone wiretapped more than 100 cell phones belonging to members of the
Greek government -- the prime minister and the ministers of defense,
foreign affairs and justice.

 
Ericsson built this wiretapping capability into Vodafone's products, and
enabled it only for governments that requested it. Greece wasn't one of
those governments, but someone still unknown -- a rival political party?
organized crime? -- figured out how to surreptitiously turn the feature
on.

 
Researchers have already found security flaws in Green Dam that would
allow hackers to take over the computers. Of course there are additional
flaws, and criminals are looking for them.

 
Surveillance infrastructure can be exported, which also aids
totalitarianism around the world. Western companies like Siemens, Nokia,
and Secure Computing built Iran's surveillance infrastructure. U.S.
companies helped build China's electronic police state. Twitter's
anonymity saved the lives of Iranian dissidents -- anonymity that many
governments want to eliminate.

 
Every year brings more Internet censorship and control -- not just in
countries like China and Iran, but in the United States, the United
Kingdom, Canada and other free countries.

 
The control movement is egged on by both law enforcement, trying to catch
terrorists, child pornographers and other criminals, and by media
companies, trying to stop file sharers.

 
It's bad civic hygiene to build technologies that could someday be used to
facilitate a police state. No matter what the eavesdroppers and censors
say, these systems put us all at greater risk. Communications systems that
have no inherent eavesdropping capabilities are more secure than systems
with those capabilities built in.

 

 
_______________________________________________
IRP mailing list



 

 
IP JUSTICE
Robin Gross, Executive Director
1192 Haight Street, San Francisco, CA  94117  USA
p: +1-415-553-6261    f: +1-415-462-6451


 

 


--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
Thai Netizen Network
http://thainetizen.org/

----
u rcvd diz msg bcoz u r sbscbd 2 d "Thai Netizen Network" grp.
post, email thainetizen@googlegroups.com
leave, email thainetizen+unsubscribe@googlegroups.com
info, http://groups.google.com/group/thainetizen
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.familynetwork.or.th
http://sph.thaissf.org/
http://www.presscouncil.or.th
http://ilaw.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://icann-ncuc.ning.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.webmaster.or.th
http://www.thailandshowtime.com/2009

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

[netizen] สไลด์ นโยบายอินเทอร์เน็ต และมุมมองอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ จากนานาชาติ [EFF-Netizen]



 
From: Arthit Suriyawongkul <arthit@gmail.com>
Date: ส.ค. 9, 2009 1:01 หลังเที่ยง
Subject: [netizen] สไลด์ นโยบายอินเทอร์เน็ต และมุมมองอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ จากนานาชาติ [EFF-Netizen]
To: Thai Netizen <thainetizen@googlegroups.com>, YouFest group <youfest@googlegroups.com>

(จากงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ)

สไลด์เรื่องนโยบายอินเทอร์เน็ต และมุมมองอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ จากนานาชาติ
โดย Eddan Katz, International Affairs Director,
Electronic Frontier Foundation  http://eff.org/

Cyberlaw and Information Intermediaries (กฎหมายไซเบอร์และตัวกลางข้อมูลข่าวสาร)
จากอบรมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายพลเมืองเน็ต 25 ก.ค. 2552
http://thainetizen.org/node/627

Computer Crimes: An American Case Study (อาชญากรรมคอมพิวเตอร์:
กรณีศึกษาสหรัฐอเมริกา)
จากอบรมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายพลเมืองเน็ต 26 ก.ค. 2552
http://thainetizen.org/node/643

Global Perspectives on Cybercrime (มุมมองนานาชาติเรื่องอาชญากรรมไซเบอร์)
จากสัมมนา "กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์: มุมมองจากสากลและหลักปฏิบัติ"
27 ก.ค. 2552 ณ โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์
http://thainetizen.org/node/644


ดูเอกสาร สไลด์ บทความอื่น ๆ ได้ที่
เว็บไซต์ เครือข่ายพลเมืองเน็ต
http://thainetizen.org/archive




--
iLaw (ไอ-ลอ) http://ilaw.or.th
ชวนทุกคนเสนอกฎหมาย
เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน

--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
Thai Netizen Network
http://thainetizen.org/

----
u rcvd diz msg bcoz u r sbscbd 2 d "Thai Netizen Network" grp.
post, email thainetizen@googlegroups.com
leave, email thainetizen+unsubscribe@googlegroups.com
info, http://groups.google.com/group/thainetizen
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---



--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.familynetwork.or.th
http://sph.thaissf.org/
http://www.presscouncil.or.th
http://ilaw.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://icann-ncuc.ning.com
http://dbd-52.hi5.com
http://www.webmaster.or.th
http://www.thailandshowtime.com/2009

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ปริศนาแห่งความตาย "สุสานร้างซานติก้า" ใครเผาฆ่า!

ปริศนาแห่งความตาย “สุสานร้างซานติก้า” ใครเผาฆ่า!
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 4 สิงหาคม 2552 07:08 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ผู้บริหารซานติก้าผับ และความทันสมัยก่อนเพลิงไหม้

"ซานติก้าผับ" นำโลงศพมาประดับตกแต่งภายในผับ ที่คนวิพากษ์อาจเป็นลางร้าย

ซากซานติก้า หลังเพลิงเผาไหม้



หน่วยกู้ภัยช่วยลำเลียงศพ

ซานติก้า ที่เพลิงโหมไหม้เหลือไว้ซึ่งคำว่า "KA" ที่คนเค้าบอกว่าแปลว่า ฆ่า

ญาติผู้เสียชีวิตร้องไห้ปิ่มขาดใจกับการจากไปของเหยื่อ "ซานติก้านรก"


66 ศพที่ต้องสังเวย กับโศกนาฎกรรมครั้งนี้

จนท.พบชิ้นส่วนกระดูกข้อมือขวา กระโหลกศรีษะ กระดูกท่อนแขน 3-4 ท่อน ข้อมือ ที่เหยื่อสาวมาร้องเรียกพี่ยาม

"สราวุธ อะริยะ" นักร้องนำวงเบริ์นที่ถูกออกหมายจับ ฐานเป็นผู้จุดไฟแช็ทจุดพลุทำให้เกิดไฟไหม้

นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ (เสี่ยขาว)หุ้นส่วนใหญ่ซานติก้า เข้ามอบตัวสู้คดี

"เสี่ยขาว" ได้รับการประกันตัว 1 ล้านบาท

น.ส.รพี วุฒิมานานนท์ สถาปนิกชื่อดังเข้าแจ้งความถูกปลอมลายเซ็น

เอกสารลายเซ็นต์ที่ถูกปลอมก่อสร้างซานติก้า ดัดแปลงผิดแบบ

"หมอพรทิพย์" พร้อมเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจหามนุษย์เก็บรายละเอียดในซานติก้าหาหลักฐาน

ยมทูต เรียกศูนย์ เกิดเหตุ ว.204 เพลิงไหม้ซานติก้าผับ เอกมัย 11 เปลี่ยน....
       

       เสียงไซเรน.... เสียงหวอรถดับเพลิง รถอาสาหน่วยกู้ภัย รถพยาบาล ประสานเสียงดังสนั่นโหยหวนปลุกให้ผู้คนในย่านนั้น ขาเที่ยวต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ พร้อมกับคำถาม
       
       “มันเกิดอะไรขึ้น ไฟไหม้ที่ไหน”
       
       รถแต่ละคันห้อตะบึ่งเหยียบคันเร่งจมมิด ขับแหวกกลางถนนเสียงสีเส้นสุขุมวิท-เอกมัย มุ่งหน้าจุดหมายเดียวกัน “ซานติก้าผับ”
       
       ย่างเข้า 1 ม.ค.52 ณ เวลา 00.20 น.เพียงชั่วข้ามคืน ยามราตรีอันศิวิลัยเสียงสีสว่างไสวเปรียบประหนึ่งเป็นช่วงเวลากลางวัน ณ ใจกลางกรุงย่านเอกมัย ซอยทองหล่อ 9-11 สถานบันเทิง “ซานติก้าผับ” ท่ามกลางเสียงไฟสลัว กะพริบ ระยิบระยับ นักท่องราตรีไทย-เทศ สนุกสนานชูมือโยกเอวส่ายสะโพก โยกตัวเขย่าหัวให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลงกันอย่างเมามันสุดเหวี่ยง เสียงโฮร้องสลับกับเสียงกรี๊ดด้วยความสะใจ ถูกใจในจังหวะเพลง เหล่านักท่องราตรี ร่ำสุรากันเต็มที่
       
       “เอ้าดื่ม”
       “เอ้า ชน!! ดื่มให้หมดแก้ว” เสียงหนุ่มสาวยกแก้วเหล้าชนกับเพื่อนเมากันได้ที สนุกกันแบบลืมโลก
       
       ราตรีนี้ยังยาวไกล นักดื่ม นักเที่ยว กำลังสรวงเสเฮฮาเสียงเซ็งแซ่ตะเบ่งคุยกันแข่งกับเสียงเครื่องดนตรีบนเวที ที่บรรเลงกันอย่างเร้าร้อน เร้าใจ กระตุ้นต่อมแอลกอฮอล์ให้เกิดความคืกคัก สร้างความคึกคะนอง
       
       แต่ใครจะรู้บ้างเล่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมามัจจุราชที่เฝ้าจ้องมองพฤติกรรมของทุกคน จะมากระชากวิญญาณไปจากร่างอย่างไม่รู้ตัว หลังจุดพลุ จุดไฟเย็น เฉลิมฉลองเคานต์ดาวน์นับถอยหลัง 9..8..7..6..5..4..3..2..1.. เพื่อโบกมือลาปีเก่า เข้าสู่ปี 2009 ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
       

       
       ห้วงเวลาดื่มด่ำความสุขที่ทุกคนกำลังเสพกันอย่างเมามันเอร็ดอร่อย และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟในผับดับพรึ่บ เสียงเพลงสงบนิ่ง พระเพลิงลุกโหมไหม้ภายในผับ สะเก็ดไฟบนเพดานตกมาสู่พื้น นักเที่ยวทั้งหลายถูกไฟลวกตามร่างกาย เสียงหวีดร้อง! ระงมขอความช่วยเหลือ
       
       “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
       
       “ทางออกอยู่ไหน มันมองไม่เห็นทางเลย” หลากหลายเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของบรรดานักเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาแออัด กับวันฉลองปีใหม่ และกู๊ดบายซานติก้า เพราะเป็นวันสุดท้ายที่หมดสัญญา ทุกคนวิ่งหนีตายกันอลหม่าน พยายามดิ้นรน แก่งแย่งกันหาทางออกกันสุดชีวิต
       
       เสียงหวีดร้อง เสียงสำลักควัน ดิ้นทุรนทุรายจากความร้อน เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดแสบ ปวดร้อนก่อนสิ้นลมหายใจ ดังกึกก้องกลางเปลวเพลิง ควันไฟ หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งพยายามตะเกียก ตะกาย กรุยทางใช้ฝ่ามือตบ ตะปรบลูกไฟ เพื่อนำทางออกจากซานติก้านรก แต่อนิจจากลับถูกเหยียบนอนตายเกลื่อนไหม้เกรียมหน้าทางออกอย่างน่าอนาถ
       
       ความโกลาหลวุ่นวายในผับที่มืดมิด มีเพียงเสียงไฟจากเพลิงที่ลุกโชติช่วงลุกล่ามเผาไหม้ไปทั่วตัวอาคารซานติก้าอย่างรวดเร็ว ควันที่พวยพุ่งวิ่งหาทางออกตามช่องต่างๆ ทั้งเขม่าควันปกคลุม เหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เพดานซานติก้าพังครืนทรุดตัว เสียงร้องโอดโอยที่ถูกไฟลวกตามตัว มันโหยหวน แข่งกับเสียงพังถล่มของตัวอาคาร เสียงถังแก๊สในห้องทำอาหารระเบิด กระแสลมด้านนอกพัดกรรโชกแรง กระพือโหมไฟลุกโชนเผาสดร่างมนุษย์เต็มที่
       
       เพลิงเผาซานติก้าผับนานนับกว่าชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอย่างต่อเนื่อง ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ผนังอาคารพัง เพื่อเปิดทางให้หน่วยกู้ภัย เข้าไปช่วยคนข้างในให้รอดตายได้ และเข้าไปค้นหาศพที่ตายขนลำเลียงออกมา
       
       จวบจนรุ่งเช้าวันใหม่ 05.30 น. 1 ม.ค.52 หญิงสาววัย 19 ปีที่รอดตาย เล่าพรางสะอื้นร่ำไห้ “เพดานมันยุบพังลงมาข้างในมืดมาก สำลักควันจนแสบคอ วินาทีนั่นคิดแต่ว่าต้องไม่ตาย เราต้องรอด เหมือนในหนัง ไฟร้อนจ่อรนไปทั่วร่างเห็นติดตา ฮือ ฮือฮือฮือ!” หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูไหลไม่หยุด กับความตื่นตระหนกหวาดกลัว
       
       “ผมกำลังยื่นแก้วชนกับน้องผู้หญิงโต๊ะข้างๆ เหมือนมีความร้อนตกใส่แขน” ชายหนุ่มยังอยู่ในอาการตกใจสุดขีดละล่ำละลักพูด
       
       “เมื่อเงยหน้ามองเพดานเห็นไฟกำลังไหม้ขยายวงกว้าง แล้วมันก็เกิดขึ้นเร็วมาก ผมหายเมาเป็นปลิดทิ้ง” เค้าเล่าด้วยความกลัว
       
       อีกมุมหนึ่งของบริเวณด้านหน้า “ซานติก้าผับ” ที่เหลือแต่ซากปรัก หักพังจากเพลิงไหม้ ร่างของนายพลหน้ากลมตี๋ขาวแป้น เสมือนทาแป้งประร่ำ โป๊ะหน้าไว้ตลอดเวลา ได้เดินตรวจตราสำรวจความเสียหายตะโกนสั่งงานเสียงดังละรัว รวดเร็วชัดถ่อย ชัดคำ
       
       “เป็นไงเจอแล้วกี่ศพ ข้างในมีคนของเราเข้าไปช่วยเหลือออกมาหมดหรือยัง” พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ถามจนท.ที่ควบคุมดูแลอย่างใส่ใจ เจ้าหน้าที่รายงานนายทันที “เจอคนตาย 58 ศพ กำลังขนย้ายออกมาวางข้างนอกครับทั่น” แล้วหันหลังวิ่งเข้าไปช่วยด้านในต่อ
       
       นายตำรวจใหญ่ผู้มีผลงานสามารถสรุปปิดสำนวนคดีอาชญกรรมรวดเร็วบ่อยครั้ง หันมาพูดกับนักข่าวด้วยสีหน้าเศร้า “ผมสะเทือนใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนะ มันเป็นอุทาหรณ์สถานที่เที่ยว เออ! ในเรื่องนี้เราต้องเร่งตรวจสอบความเป็นจริงว่าไง สาเหตุมันมาจากอะไรกันแน่”
       
       เมื่อไฟนรกโลกันต์ มอดไหม้ดับสนิท แต่ญาติพี่น้องของผู้ที่เคราะห์ร้ายถูกไฟเผาผลาญร่างอันไร้วิญญาณ เหลือเพียงเถาถ่าน ยังคงหาศพญาติที่สูญหายไปกับเปลวเพลิงไม่เจอ
       
       คืนอันหนาวเย็น วังเวง “พี่ยามๆๆๆๆ หนูอยู่ชั้น 2” ยามที่เฝ้าสุสานซานติก้า หันไปมองตามเสียงเค้าเห็นผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาดียืนอยู่บริเวณซุ้มประตูชั้นลอย เค้าเดินไปดูแต่ไม่พบอะไร เสียงหมาหอนรับกันเป็นช่วงๆๆ อากาศพัดเย็นเฉียบผ่านใบหน้าเค้า ขนหัว ขนแขนลุกตั้งชันนานและนาน “บรูว์ว์วววววๆๆๆๆๆ” เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอด ๆๆ
       
       เค้านั่งภาวนาให้เช้าเร็วๆ เพื่อเพื่อนจะได้มาเปลี่ยนกะ เค้าเผลองีบหลับเพลินจนเช้าไม่รู้ตัวเพื่อนมาสะกิดให้ตื่น เค้าเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เพื่อนฟังและชวนกันไปดูจุดที่หญิงสาวเรียกอีกครั้ง ใช้ไม้เขี่ยดูที่กองขี้เถ้าพบชิ้นส่วนกระดูกข้อมือขวา กะโหลกศีรษะ กระดูกท่อนแขน 3-4 ท่อน ข้อมือ โทรศัพท์มือถือไอโฟน ของศพผู้ตายในกองเพลิง เค้ารำพึงกับตัวเองเบาๆ คงไม่รู้ว่าตัวเองจะตาย ไปสู่สุคติเถอะสาวน้อย
       
       ที่ห้องประชุม สน.ทองหล่อ “วันนี้เราได้หลักฐานเพียงพอที่จะขอออกหมายจับ “เสี่ยขาว-กับนายสุริยา ได้แล้ว” พล.ต.อ.จงรัก นั่งบัญชาการสั่งงานกับลูกน้องร่วมทำคดี
       
       ตำรวจได้ออกหมายจับ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หุ้นส่วนใหญ่ซานติก้า และนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการ บ.ไวท์แอนด์บราเธอร์ แจ้ง 2 ข้อหา ร่วมกันกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต และร่วมกันเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งสถานบริการ ยินยอมและปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปสถานบริการ
       
       ไม่กี่วันต่อมา “เสี่ยขาว” เข้ามอบตัวสู้คดี ตำรวจอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงินสูงถึง 1 ล้านบาท ส่วนนายสุริยา หลบหนีเข้ากลีบเมฆ จนปานนี้ยังตามตัวไม่เจอ คาดหนีออกนอกประเทศแล้ว
       
       กริ๊งๆๆ เสียงโทรศัพท์ต่อสายตรงถึง พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.4
       “วันนี้คุณนัดทีมทำคดีซานติก้าให้ผมหน่อย เรื่องที่สั่งให้ทำไปถึงไหนแล้ว” ปลายสาย พล.ต.อ.จงรัก สั่งการลูกน้อง
       
       เวลาหมุนเดินหมดไปอีกวัน อีกวัน! ทีมพนักงานสอบสวนคดีซานติก้า ได้เร่งสปีครวบรวมพยานหลักฐานเตรียมปิดคดีตามที่ นายพลใหญ่ นามว่า “จงรัก จุฑานนท์” สั่งงานด้วยตัวเองต่อเนื่อง
       
       ในเช้าวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ความกระจ่างก็เริ่มปรากฏ “ดิฉันมาแจ้งความเรื่องที่ถูกปลอมลายเซนต์ให้เป็นคนคุมงานร้านซานติก้าผับค่ะ” เมื่อ น.ส.รพี วุฒิมานานนท์ สถาปนิกชื่อดังเข้าแจ้งความถูกปลอมลายเซ็น เป็นคนคุมก่อสร้างซานติก้า ตอเริ่มปิดไม่มิดกับความชุ่ย มักง่าย สักแต่ได้
       
       “ดิฉันไปทำเรื่องขอดูพิมพ์เขียวที่ สนง.เขตวัฒนาแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าหาไม่เจอค่ะ” น.ส.รพีเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
       
       แล้วเธอเล่าต่อไปว่า “ไปแจ้งความหลายที่ถูกร้อยเวรปฏิเสธไม่รับแจ้ง บอกให้ดิฉันไปแจ้งในท้องที่เกิดเหตุเอง มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วสื่อเห็นใจด้วยค่ะ ดิฉันถูกปลอมลายเซนต์ไม่เกี่ยวกับซานติก้าเลย” น.ส.รพีพูดไปด้วยแววตาสีหน้าเศร้า
       
       เมื่อสืบค้นขุดคุ้ยลึกลงไปก็พบว่า ซานติก้าขออนุญาตสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ เพื่อใช้เป็นบ้านพักอาศัย แต่ดัดแปลงมาสร้างเป็นผับ มีพื้นที่ภายในกว้าง 500 ตารางเมตร จุคนได้เต็มที่เพียง 500 คน แต่ในวันเกิดโศกนาฎกรรมมีคนเรือนหมื่นเข้าไปเที่ยว เมื่อเกิดเพลิงไหม้ต้องสังเวยทั้งหมด 66 ศพ
       
       วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 27 วันเท่านั้น “จงรัก จุฑานนท์” ออกมาพ่นน้ำลายหน้ากล้องทีวี พูดเป็นตุ เป็นตะ เราออกหมายจับ “สราวุธ อะริยะ” อายุ 28 ปี นักร้องนำวงเบิร์น ผู้ต้องหาก่อเหตุเพลิงไหม้ ฟันฉับทางเราพบว่าเค้านี่แหละเป็นคนจุดไฟแช็กก้มลงจุดพลุ ในคืนที่เกิดเหตุจากนั้นพลุก็พุ่งขึ้นไปบนเพดานจนทำให้เกิดไฟลุกไหม้ เค้าเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ ทุกคนที่นั่งฟังนิ่งอึ้ง พยักหน้ารับคำบอกเล่าอย่างช้าๆ แล้วต่างคน ก็ต่างคิดกันไปต่างๆ นานา พร้อมส่ายหน้าสลับ กับ พยักหน้ารับ เหลือเชื่อ.....????
       
       ฝันหวานที่ “จงรัก” จะปิดคดียกให้ตัวเองเป็นพระเอกบนคราบน้ำตาญาติเหยื่อที่เคราะห์ร้าย ก็ต้องดับวูบ ส่งให้การสืบค้นคดีต้องล่าช้าออกไป เมื่อ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเนื้อในขั้นตอนตรวจสอบเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ว่า เบื้องต้นพบวัสดุที่ใช้ทำฝ้าเพดานควรเป็นวัสดุทนไฟอย่างมาก แต่ในที่เกิดเหตุพบว่าใช้วัสดุที่ติดไฟง่าย และลุกไหม้ได้รวดเร็ว อีกทั้งยังสงสัยโซนวีไอพีขนโซฟาขวางทางหนีไฟ
       
       “หมอได้ใช้เครื่องจีที 200 ตรวจสอบพบ 3 จุดที่มีสารโคเคน เฮโรอีน บริเวณห้องพักพนักงานทั้ง 2 ห้อง และห้องพักนักดนตรี ส่วนบริเวณห้องโถงใหญ่ก็พบจุดตัดสารยาเสพติดแต่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
       
       ผลของแนวทางตรวจสอบคดีซานติก้า ของกระทรวงยุติธรรมกับทีมตำรวจ ตรงข้ามกันสิ้นเชิง
       
       พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เล่าต่อไป “จากการสอบพยานพร้อมดูวีดีโอของผับซานติก้า ไม่เห็นนักร้องนำจุดพลุ แต่เห็นใช้เท้ากระทืบลูกไฟ หมอขอแนะให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์เหตุเพลิงไหม้คลี่คลายคดี จนถึงตอนนี้ยังไม่ขอสรุปสาเหตุเพลิงไหม้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายยังมีรอยไหม้อื่นอีกหลายจุดที่น่าสงสัย”
       

       
       ผู้สื่อข่าวได้นำเรื่องที่หมอพรทิพย์พูดไปถาม พล.ต.อ.จงรัก “ผมไม่ได้ดูวิดีโอนั่น ขอดูหมอเค้าก็ไม่ให้ เปล่าเล๊ย (ขึ้นเสียงสูง) มันไม่ใช่เรื่องฉีกหน้า ต้องดูกันในชั้นศาลประกอบด้วย” นายพลหน้าขาวพูดด้วยเสียงไม่พอใจที่ถูกถามจี้แทงใจดำ
       
       หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่กำลังไขไปสู่ความจริงแห่งต้นสายปลายเหตุไฟไหม้ซานติก้า นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรม โดย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รมว.ยุติธรรม ซัด “จงรัก” อัดแรงๆ เต็มๆ อีกว่า ได้สั่งสอบเอาผิดผู้เกี่ยวข้องคดีซานติก้า ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เอกชน และรู้ชื่อตำรวจที่สั่งไม่ฟ้อง 47 คดี นรกซานติก้าแล้ว โดยมีรายงานว่า สน.ทองหล่อได้จับกุมดำเนินคดีกับซานติก้า 47 คน แต่กลับไม่มีการสั่งปิดสถานบริการที่ทำผิดกฎหมาย
       
       ณ ห้องทำงานตึกสูง ริมถนนแจ้งวัฒนะ “พีระพันธุ์” ได้รับรายงานตลอด 5 ปีที่เปิดบริการซานติก้าหลบเลี่ยงไม่เสียภาษี กับกรมสรรพสามิต 25 ล้าน อีกทั้งคณะทำงานยังพบ นายประยนต์ ลายเสือ (พ.ต.อ.) เข้าถือหุ้นในบ.ไวท์แอนด์บราเธอร์ จำกัดด้วย
       
       6 เดือนผ่านมา! การไขปริศนาคดีเพลิงไหม้ซานติก้ายังไม่กระจ่าง ยังคงมีอีกหลายคำถามที่ประชาชนยังข้องใจ คนบาปฆ่าเผาคนทั้งเป็น 66 ศพ ในคืนวันอันเลวร้าย กับโศกนาฏกรรมซานติก้านรก ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ?????
       


http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000087800


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.narit.or.th
http://dbd-52.hi5.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.momypedia.com
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://icann-ncuc.ning.com
http://www.webmaster.or.th
http://weblogcamp2009.blogspot.com