2 คนร้ายอุกอาจ!ปาระเบิดศาลตลิ่งชันบุกชิงผู้ต้องหา สุดท้ายไม่รอดเจอโทษหนัก "หมูสกปรก"ปัดไม่รู้เรื่อง
ปา บึ้มศาลจังหวัดตลิ่งชัน สร้างสถานการณ์ชิงตัวผู้ต้องหาระหว่างรอขึ้นศาล สุดท้ายไม่รอดติดตรวน เจออ่วมข้อหาละเมิดอำนาจศาล และหลบหนีการคุมขัง โทษหนักทั้งจำคุก-ปรับ "หมูสกปรก"ปัดไม่รู้เรื่องเพื่อนร่วมก๊วนก่อคดีอุกอาจ ผู้พิพากษาชี้หากขับรถส่งผู้ต้องขังตามกฎคงไม่เกิดเรื่อง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 21 ธันวาคม พ.ต.ต.สอาด ดัดธุยะวัตร์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ตลิ่งชัน ได้รับแจ้ง ว่า คนร้ายปาระเบิดพยายามชิงตัวผู้ต้องหาลักทรัพย์ ขณะนั่งรถเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทะเบียน 40-1558 นนทบุรี ไปขึ้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน เหตุเกิดทางเข้าศาลจังหวัดตลิ่งชัน ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. จึงออกไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผกก.สส.สน.ตลิ่งชัน และกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบวัตถุต้องสงสัยรวม 3 ชิ้น ประกอบด้วยวัตถุทรงสี่เหลี่ยม ยาว 10 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ห่อหุ้มด้วยถุงเท้ามีเทปกาวสีดำพันมิดชิด สายชนวนยื่นออกมา รวม 2 อัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจสอบเป็นประทัดสามเหลี่ยมแบบกระจับ 2 อัน บรรจุในกล่องสี่เหลี่ยมคล้ายกล่องนม และวัตถุคล้ายระเบิดบรรจุกล่องสี่เหลี่ยมคล้ายกล่องนมพันเทปกาวสีดำ ต่อสายไฟ 1 ลูก ตรวจสอบพบยาดม 2 หลอด
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำ และ รปภ.ศาลควบคุมตัวผู้ต้องหาชายและหญิง รวม 5 คน ที่นั่งอยู่ในรถเรือนจำที่คนร้ายพยายามชิงตัว มาส่งยังห้องควบคุมชั้นล่างศาลจังหวัดตลิ่งชัน เพื่อรอนัดสอบคำให้การจำเลย ประกอบด้วย
1.น.ส.วรัญญาภรณ์ เตรียมธนวัชร์ อายุ 27 ปี
2.น.ส.วลัยลักษณ์ ศรีประไพ อายุ 27 ปี
3.นายสุภัทร หรือทอม เนินวิเชียร อายุ 29 ปี
4.นายณัฐ หรือโต้ง ชาหอม อายุ 30 ปี และ
5.นายพีรวัตร หรือพี ตะวันธรงค์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืน และร่วมกันรับของโจร คดีหมายเลขดำที่ อ.9018/2552 และเป็นสมาชิกก๊วนเดียวกับนายหทัย หรือ อ๊อฟ ไชยวัณณ์ อายุ 38 ปี นักแข่งรถชื่อดังเจ้าของฉายา "หมูสกปรก" ตระเวนลักทรัพย์ตู้เซฟมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
สอบถามนายสุธิพร บุญญพรรค พนักงานขับรถเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้การว่า ตนพร้อมเจ้าหน้าที่ 4 คน ควบคุมตัวผู้ต้องหา 5 คน มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อถึงบริเวณศาลปกติจะต้องนำรถเข้าไปจอดในศาล แต่วันนี้มีรถควบคุมผู้ต้องหาของเรือนจำพิเศษธนบุรีจอดอยู่ จึงจอดด้านนอก เมื่อผู้ต้องหาทยอยลงจากรถ ได้ยินเสียงนายณัฐตะโกนว่าระเบิด หันไปดูพบวัตถุคล้ายระเบิดตกอยู่ ขณะที่นายณัฐ และนายสุภัทร พยายามอาศัยช่วงโกลาหล วิ่งหนีจะไปขึ้นรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค จอดอยู่ข้างรถเรือนจำ แต่เจ้าหน้าที่ศาลและเจ้าหน้าที่เรือนจำจับกุมไว้ได้ ทำให้คนร้ายที่มาชิงตัวผู้ต้องหา 2 คน ขับรถหลบหนีไปท้ายซอยอย่างรวดเร็ว
ต่อมาตำรวจไปตรวจสอบท้ายซอยห่างจุดเกิดเหตุ 800 เมตร สุดถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชันที่เป็นซอยตัน พบรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีเขียว ทะเบียน ภก 3598 กรุงเทพมหานคร ติดฟิล์มทึบ กันชนท้ายด้านขวาหลุดห้อยลงมา ประตูทั้ง 2 ข้างเปิดทิ้งไว้และยังติดเครื่องอยู่ ในรถพบอาวุธปืนขนาด .38 มม. พร้อมกระสุน 10 นัด วางอยู่ที่เบาะคนขับ ส่วน 2 คนร้าย วิ่งหลบหนีไปตามทางรถไฟ ทราบชื่อหนึ่งคนคือ นายชัชวาล โง้วกิมเซ้ง อายุ 26 ปี ชาว จ.ลำพูน ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง เพิ่งได้ประกันตัวออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
พ.ต.ท.สุกิจกล่าวว่า สอบสวนพยานแวดล้อมทราบว่า นายณัฐ คือผู้ปาระเบิดปลอมที่ทำขึ้นในเรือนจำ โดยนัดแนะกับนายชัชวาลซึ่งรู้จักกันในเรือนจำนำรถยนต์มารอรับ จึงได้สั่งการฝ่ายสืบสวน และสายตรวจสกัดจับเร่งด่วน
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายภัทรศักดิ์ ศิริสินธว์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลจังหวัดตลิ่งชัน แถลงว่า ทั้ง 5 คน เป็นผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืน และร่วมกันรับของโจร วันนี้ ศาลนัดพิจารณาคดี เหตุแห่งคดีเกิดขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคม 2550-พฤษภาคม 2552 ท้องที่ สน.ธรรมศาลา มูลค่าความเสียหาย 2,428,000 บาท การก่อเหตุครั้งนี้มีผู้ร่วมวางแผน 3 คน ประกอบด้วย นายณัฐ นายสุภัทรและนายชัชวาล อดีตผู้ต้องขังคดีฉ้อโกงโรงพยาบาลยันฮี ได้รับการประกันตัวออกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้ง 3 รายรู้จักกันในเรือนจำ โดยจำเลยทั้ง 2 คน มีคดีลักทรัพย์ติดตัวกว่า 20 คดี และมีอัตราโทษสูง ยื่นขอประกันตัวหลายครั้งแต่ศาลไม่อนุญาตเนื่องจากมีคดีติดตัวจำนวนมาก จึงร่วมกันวางแผนหลบหนี
ศาลตรวจสอบแล้วพบว่า นายสุภัทรกับนายณัฐ มาที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน 3 ครั้งแล้ว ทำให้รู้ว่ารถผู้ต้องหาต้องวิ่งผ่านเข้าไปจอดในช่องหน้าห้องควบคุมชั้นล่าง แต่กรณีที่เกิดขึ้นรถของเรือนจำจอดหน้าประตูทางเข้า ไม่ได้เข้าจอดในช่องตามระเบียบปฏิบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอ้างว่า ต้องไปส่งจำเลยอีกหลายศาล ทั้งนี้ ทราบว่าทั้งหมดวางแผนตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม สรุปแผนครั้งสุดท้ายวันที่ 18 ธันวาคม ให้นายชัชวาลย์ประกอบระเบิดมาซุกไว้ช่องระบายอากาศหลังคารถเรือนจำ ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งประชาชนสามารถเดินผ่านรถอย่างง่ายดายเพราะจอดอยู่หน้าเรือนจำ นายชัชวาลนัดหมายนำรถยนต์เขียวเข้มมารับหน้าศาล หากช่วยเหลือสำเร็จ จะพาไปกบดานที่ จ.ชลบุรีก่อน แล้วค่อยหลบหนีเข้าประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้ แม้นายสุภัทรกับนายณัฐ จะถูกขังแยกคนละแดนแต่แผนทั้งหมดสรุปในวันเยี่ยมญาติซึ่งผู้ต้องขังมาพบกันได้ ส่วนนายชัชวาลวันนี้มีนัดพิจารณาคดีที่ศาลอาญาด้วย ทราบว่าศาลอาญาออกหมายจับแล้วเนื่องจากไม่ไปขึ้นศาลตามกำหนด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นความละเลยของเจ้าหน้าที่เรือนจำหรือไม่ นายภัทรศักดิ์ ตอบว่า ไม่ขอออกความเห็นว่า มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายใดรู้เห็นกับกลุ่มผู้ต้องขังหรือไม่ แต่หากขับรถเข้ามาส่งผู้ต้องขังยังจุดจอดรถตามกฎ เหตุการณ์ทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น เรื่องเสี่ยงมาก เพราะตำรวจตรวจพบอาวุธปืนและกระสุนในรถยนต์ที่นายชัชวาลย์จอดทิ้งไว้ หากมีการใช้อาวุธปืนต้องมีผู้เสียชีวิตแน่นอน เพราะตอนที่กลุ่มผู้ต้องขังลงจากรถทราบว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถืออาวุธปืนลงมาคุ้มกัน อาจเป็นเพราะความเคยชินที่เดินทางมาศาลไม่เคยเกิดเรื่องวุ่นวาย
"การชิงตัวผู้ต้องขังในศาลเป็นเรื่องอุกอาจมาก นายณัฐและนายสุภัทร จะถูกแจ้งข้อหาละเมิดอำนาจศาล โทษจำคุก 6 เดือน และหลบหนีการคุมขัง โทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน ส่วนนายชัชวาลย์จะแจ้งข้อหากระทำการใดให้ผู้ถูกคุมขังหลบหนี โทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท ละเมิดอำนาจศาล และ พ.ร.บ.อาวุธปืน และกำลังรอการพิจารณาอยู่ด้วยว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หรือเรือนจำพิเศษธนบุรี จะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป" ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะฯกล่าว
ขณะที่นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า สั่งการนายฐานิส ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลแล้ว และให้นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบข้อมูลการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง และตรวจสอบเทปจากกล้องวงจรปิดเพื่อพิสูจน์ว่า รถยนต์คันที่นายชัชวาลใช้เคยเข้า-ออกเรือนจำหรือไม่ และตรวจสอบระเบิดปลอมว่านำมาจากที่ไหน ใครจัดหาและส่งเข้าเรือนจำ
รายงานข่าวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า จากการสอบถามนายหทัย "ฉายาหมูสกปรก" ปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง และไม่เคยคิดจะหลบหนี เพราะถูกดำเนินคดีลักทรัพย์เพียงคดีเดียว เป็นตัวกลางในการเจรจาขอไกล่เกลี่ยคดี ต้องโทษจำคุกแค่ 2 ปี ต่างจากนายณัฐ ต้องโทษหนักกว่า และถูกอายัดตัวดำเนินคดีลักทรัพย์กว่า 20 คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายชัชวาลเคยถูกตำรวจ สน.มักกะสัน จับกุมข้อหาฉ้อโกง เมื่อวันที่ 1 กันยายน อ้างว่าเป็นทายาทเจ้าของร้านทอง "โง้วกิมเซ้ง" เข้ารักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพถึง 2 ครั้ง อ้างป่วยเป็นโรคเครียดขอนอนพักดูอาการห้องคนไข้พิเศษ ก่อนหลบหนีไปโดยไม่จ่ายค่ารักษา นอกจากนี้ เคยก่อเหตุที่โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลสินแพทย์ และโรงพยาบาลคามิเลี่ยน หลายครั้งรวมค่าใช้จ่ายกว่า 200,000 บาท
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1261371663&grpid=01&catid=
|
--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
kb
http://www.healthstation.in.th/index1.html
http://camp02.blogspot.com/ camp02
http://kb1951.blogspot.com/ tkpark
http://kbparks.blogspot.com/ tkpark9
http://word1951.blogspot.com/ wordpress
http://www.baanjomyut.com/library/lotus
http://www.pwdom.com
http://weblogcamp2009.blogspot.com/2009
http://www.twitter.com/kajorn
http://www.twitter.com/BKKFlashCamp
http://camp02.readyhomepage.com
http://www.twitter.com/sun1951
http://www.twitter.com/joomlacorner
http://sun1951.vaivaitraining.com
http://sun1951.wordpress.com
http://www.educationatclick.com/th/
http://gotoknow.org/blog/krunoppol/
http://baankruaeed.wordpress.com/
http://ngaochan.hi5.com/
http://www.oknation.net/blog/subaltern
http://gotoknow.org/migrantworkers
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น